เมื่อวันที่ 21 พ.ค.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พิเชฐ จันทร์ขำ, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.กฤษณะ เชิงยุทธ์ สว.กก.สนับสนุน ปรท.สว.กก.1 บก.ป. ได้ร่วมจับกุมตัว น.ส.นารี (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 54/2555 ลงวันที่ 28 ธ.ค.55 ในข้อหา “ความผิดต่อ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (เนื่องจากจำเลยไม่มาศาลในวันนัด โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง แสดงว่ามีพฤติการณ์จงใจหลบหนี) ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 63/2 ถ.ศรีสรรเพชญ์ ต.ประตูชัย อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้เมื่อปี2542 ขณะที่ผู้ต้องหาอายุ 16 ปี ผู้ต้องหาได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่ประเทศลาว ด้วยการโดยสารเรือข้ามฝั่งแบบไป-กลับ (เป็นท่าเรือของชาวบ้านที่ลักลอบทำแบบผิดกฎหมาย) โดยในขณะเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย มีผู้โดยสารรวมกับผู้ต้องหาด้วยจำนวน 4 คน เมื่อข้ามฝั่งมาถึงประเทศไทยแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวและได้ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และภายหลังที่คดีถึงชั้นพิจารณาคดีของศาล ผู้ต้องหาไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องและไม่เดินทางไปยังศาลตามนัด จึงมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี จึงได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหา จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบอาชีพขายส้มตำอยู่ในร้านส้มตำแห่งหนึ่ง จึงได้วางแผน แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหา จึงจับกุมควบคุมตัวส่งศาลศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการต่อไป จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การว่า ตามวันเวลานัดหมายของศาล พี่ชายของผู้ต้องหา ได้บอกกับตนว่าจะพาไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษา แต่ต่อมาพี่ชายของตนได้แจ้งให้ทราบว่าศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ตนจึงไม่ได้ไปฟังคำพิพากษาตามกระบวนการแต่อย่างใด จากนั้นจึงได้ดำเนินชีวิตตามปกติเพราะคิดว่าทางคดีเสร็จสิ้นแล้ว