(21พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเฝ้าสังเกตุติดตามกลุ่มผู้กระทำความผิดทางเทคโนโลยี ในเขตพื้นที่ของตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ในช่วงเกิดภาวการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จนรัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ สั่งห้ามประชาชนออกนอกบ้านในช่วงเวลาห้าม ทั้งยังมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันด้านต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 ได้มีนโยบายมอบหมายให้พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการปราบการปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ของตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เฝ้าติดตามป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในเรื่องต่างๆ ในสื่อออนไลน์ ในช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่ภายในเคหะสถานเพราะเกรงว่าประชาชนผู้สุจริตทั่วไปจะตกเป็นเหยื่อจากการกระทำความผิดของมิจฉาชีพที่อาจอาศัยจังหวะเวลาดังกล่าวในการกระทำความผิด ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ,พ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ ผกก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, ได้สั่งงการให้ ชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทพสถิต นำโดย พ.ต.ท.สุราษ แก้ววังปา สว.สสฯ ออกหาข่าวผู้กระทำความผิด จนได้เบาะแส มีผู้ใช้แอพพลิเคชันทวิตเตอร์ รายหนึ่งมีการเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว สื่อลามกอนาจารของตนเองลงไปในโซเชียลมีเดีย จำนวนหลายภาพ มีการเชิญชวน ชักชวน การขายบริการทางเพศ อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ บริเวณหน้าบ้านน.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จึงได้เรียกตัวมาสอบถาม จากการสอบถาม น.ส.ซี ให้การรับว่า ตนได้ทำการเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของตนเอง ซึ่งเป็นภาพลามกอนาจารลงไปสื่อในโซเชียลมีเดียจริง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่บ้านพักว่างๆ จึงมีความคิดอยากหาเงินโดยให้เรือนร่างของตนเองในการถ่ายภาพและคลิปในลักษณะลามกเพื่อแลกกับการเข้ากลุ่มลับทั้งทาง ทวิตเตตร์ และ เฟซบู๊ค โดยใช้ตนเองเป็นนางแบบทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว รวมถึงมีการนัดหมายกับสมาชิกในกลุ่มทำการไลฟ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันทำการควบคุมตัว พร้อมด้วยของกลาง 1.โทรศัพท์ยี่ห้อ vivo v19 สีเงิน จำนวน 1 เครื่อง 2.โทรศัพท์ยี่ห้อ iphone6plus สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(4) 2.เพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.287(1) 3.ติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตามหรือรบเร้าบุคคลในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายหรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้าประเวณีฯ ม.5 ขณะที่ทางพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิฝากเตือนประชาชนซึ่งใช้สื่อออนไลน์ทุกชนิดว่าควรใช้ในด้านที่สร้างสรรค์ ไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง หรือศีลธรรมอันดี หากต้องการจะหาเงินจากสื่อใดๆ ควรเป็นไปตามกฎหมาย และความเหมาะสม ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ของ ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จะเฝ้าติดตามเพื่อทำการจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของ ผบ.ตร. และ ผบช.ภ.3 ต่อไป โดยฝากพี่น้องประชาชนผู้สุจริตหากพบการกระทำความผิดในทุกรูปแบบปรากฎในโลกออนไลน์สามารถโทรแจ้งได้ตลอด 24 ชม. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 191 และ ทางเพจเฟซบุ๊ค “ตำรวจชัยภูมิ ยินดีรับใช้ประชาน” อีกด้วยต่อไป