กระทรวงเกษตรฯ เร่งเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เผย ธ.ก.ส. จ่ายเงินแล้ว 3 วัน 14,812 ล้านบาท พร้อมหนุนมาตรการเสริม จับมือ แกร็บ ประเทศไทย เพิ่มช่องทางการค้าผ่านแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ด ช่วยเหลือร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2563 มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญและถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเยียวยาเกษตรกร รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2563 รวมวงเงินของโครงการ 150,000 ล้านบาท นั้น “ความคืบหน้าโครงการฯ ในส่วนของการลงทะเบียนรับการช่วยเหลือเยียวยานั้น เกษตรกรกลุ่มแรกที่ขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน 8.33 ล้านราย ได้ผ่านการตรวจสอบความซ้ำซ้อนแล้ว 6,773,517 ราย โดยทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งมอบข้อมูลให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการโอนเงินให้กับเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 15 – 25 พฤษภาคม 2563 ซึ่งขณะนี้ผ่านมา 3 วัน ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 14,812 ล้านบาท ผ่านช่องทางบัญชี ธ.ก.ส. บัญชีธนาคารอื่นตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ และพร้อมเพย์ตามเลขบัตรประชาชน ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่สอง ซึ่งได้ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จำนวน 1.57 ล้านคน กระทรวงเกษตรฯ มีกำหนดจ่ายเงินเยียวยาในวันที่ 30 - 31 พฤษภาคม 2563 ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่สาม ที่ไม่สามารถทำการเพราะปลูกได้นั้น ให้ขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 และจะจ่ายเงินภายในวันที่ 27 – 31 กรกฎาคม 2563”นายอลงกรณ์ กล่าว สำหรับเกษตรกรที่ลงทะเบียนแล้ว สามารถเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาเกษตรกรได้ที่ www.savefarmer.oae.go.th และตรวจสอบผลการโอนเงินได้ที่ www.เยียวยาเกษตร.com และสำหรับเกษตรกรที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้จากสาเหตุต่าง ๆ สามารถอุธรณ์การเยียวยาได้ที่หน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรในส่วนกลางและภูมิภาคทั้ง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.กรมส่งเสริมการเกษตร ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง 2.กรมประมง ที่สำนักงานประมงจังหวัด และสำนักงานประมงอำเภอทุกแห่ง 3.กรมปศุสัตว์ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอทุกแห่ง 4.กรมหม่อนไหม ที่กรมหม่อนไหม และศูนย์หม่อนไหม 21 แห่ง 5.การยางแห่งประเทศไทย ที่สำนักงานการยางแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด และสาขาทุกแห่ง 6.ยาสูบแห่งประเทศไทย ในส่วนภูมิภาคทุกแห่ง 7.สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย ในส่วนภูมิภาคทุกแห่ง และ 8.สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม-5 มิถุนายน 2563 ในเวลาราชการ (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ยกเว้นเกษตรกรกลุ่มที่สาม สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ในวันที่ 27-31 กรกฎาคม 2563 นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังเตรียมพร้อมให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการฯ ดังกล่าวในเบื้องต้นแก่เกษตรกร ผ่านช่องทาง Call Center 1170 ซึ่งผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 15-19 พ.ค. ที่ผ่านมา 4 วันทำการ ได้ให้บริการเกษตรกรไปแล้วรวม 817 รายอีกด้วย นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้ร่วมกับ แกร็บ ประเทศไทย ในการช่วยเหลือร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยการจัดอบรมเพื่อให้ความรู้แก่ร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย ถึงวิธีการขยายช่องทางการค้าผ่านการขึ้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ และความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแบบ Cloud Kitchen หรือครัวกลางที่จะช่วยขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจให้ร้านอาหาร และช่วยขจัดช่องว่างและข้อจำกัดด้านสถานที่ตั้งของร้านอาหารในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ แพลตฟอร์มแกร็บ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้ การเพิ่มยอดขาย การขยายฐานลูกค้า และยังลดภาระด้านการจัดหาพนักงานส่งอาหาร โดยแกร็บ ได้มีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในการเปิดรับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ https://www.grabmerchantth.com ซึ่งร้านค้าสามารถสมัครและเปิดร้านค้าให้ได้ภายใน 7-10 วัน ในส่วนของความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับพันธมิตรภาคเอกชนอย่างแกร็บ ประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านการอบรมและช่วยเหลือให้สามารถขึ้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างแกร็บได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางเสริมรายได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานส่งอาหาร-สินค้าที่ถือเป็นต้นทุนทางธุรกิจ รวมไปถึงจัดการบริหารร้านผ่านแพลตฟอร์มได้ด้วยตนเอง โดยร้านค้าที่สนใจขยายช่องทางการค้าผ่านแกร็บฟู้ด สามารถสมัครผ่านทางเว็บไซต์ https://www.grabmerchantth.com