วันที่ 19 พ.ค. 63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส. แถลงข่าวการติดตามขยายผล จับกุมเครือข่ายสาวประเภทสองปลอมเฟซบุ๊กหลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ผ่านสื่อออนไลน์ พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ตามสั่งการ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19 ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่วงโอกาส จำหน่ายหน้ากากอนามัยออนไลน์ผ่านทาง Facebook โดยมีพฤติการณ์ที่ขายราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือหลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน โดยกรณีหลอกลวงทางออนไลน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานการปฏิบัติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้มีการประสานการทำงานด้วยกันมาโดยตลอด  สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุมตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี  พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท., พ.ต.ท.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 จับกุมตัว นายพายุทัศ พองภู่ ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.254/2563 ลงวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในความผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ” โดยมีพฤติการณ์ กล่าวคือ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้ซื้อหน้ากากอนามัยทางออนไลน์เข้ามาร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้เสียหายได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยที่มีผู้ประกาศขายโดยใช้เพจและบัญชีเฟซบุ๊ก เพจผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก ซื้อขายสินค้า ตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ ,ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “พรวิมล เกษเกียรติขจร”,ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “Boonyanut Boonylongkorn”โดยได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ ภาพ แสดง ตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย ใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท เมื่อมีประชาชนผู้สนใจสั่งซื้อชำระเงินแล้วกลับไม่ได้สินค้า ทั้งนี้มีประชาชนเสียหายและ บุคคลากรทางการแพทย์ ที่มีความต้องการจะซื้อหน้ากากอนามัยไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมแล้วมีจำนวนมากกว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความต่อ พงส.รวม 15 สถานี และเหลือยังไม่แจ้งความอีกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท  ต่อมาสั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท.,พ.ต.ท.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 ร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ทำการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการ จากการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ศาลอนุมัติ ผู้ร่วมขบวนการประกอบด้วย นายพายุทัศ พองภู่ ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 643/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สามารถติดตามจับกุม นายพายุทัศ พองภู่ ได้บริเวณบริเวณริมถนนสาธารณะ ม.1 ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ชั้นจับกุม ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา,น.ส.นภัสต์ศรณ์ แถลง ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 644/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สามารถติดตามจับกุม น.ส.นภัสต์ศรณ์ แถลง ได้บริเวณภายในร้านกาแฟนายบ้าน ม.4 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ชั้นจับกุม ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และน.ส.ชญาดา เมธาโยธินกุล ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 645/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” น.ส.ชญาดา เมธาโยธินกุล เข้ามอบตัว ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ในชั้นรับมอบตัว ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กฎหมายที่เกี่ยวข้องความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น" ระวางโทษ "จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี  ปรับตั้งแต่ 10,000 บาท – 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ,มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน, (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ,(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้,  (5) เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)     พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ถูกหลอกลวงโดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว หรือถูกหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง