วงเสวนาพท.ชี้วิกฤตโควิดส่งผลไทยสร้างโอกาส 4 ด้าน ระบุขึ้นอยู่กับวืสัยทัศน์ผู้นำปท. ด้าน "ศุภวุฒิ"เตือนยุทธศาสตร์ชาติพลิกหวังพึ่งอีอีซีไม่ได้แล้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 ที่พรรคเพื่อไทย ได้จัดการเสวนา"อนาคตประเทศไทย หลังโควิด-19 : วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์และก้าวย่างของไทย" โดยเป็นการอภิปรายผ่านโปรแกรมการประชุมออนไลน์ โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยต้องสร้างโอกาส 4 ด้าน หลังจากโควิด19 เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ได้แก่ 1.ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยในฐานะที่ไทยได้รับการยอมรับว่าสามารถควบคุมการระบาดได้ดี ขณะที่ประเทศอื่นยังมีปัญหา จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นในด้านการบริการและการสาธารณสุข 2.ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข เพราะการรับมือของไทยได้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าไทยมีศักยภาพในการควบคุมการระบาดของโควิด19 3.อยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตใหม่ๆ เพราะเดิมห่วงโซ่การผลิตจะอยู่ที่ประเทศจีน ดังนั้น ไทยต้องสร้างห่วงโซ่การผลิตเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากจีน และ 4.ให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารโลก เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่รอดในวิกฤตนี้ หากเราสามารถสร้างมูลค่าการผลิตแบบก้าวกระโดดได้ จะทำให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง "โอกาสทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้หากรัฐบาลมีวิสัยทัศน์ แต่หากรัฐบาลไม่กระตือรือร้นก็คงเกิดขึ้นไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้กู้เงินจำนวนมหาศาลแต่ยังไม่เห็นอนาคตของประเทศ เราห่วงว่าจะมีการนำเงินกู้เหล่านี้หาประโยชน์ให้กับพวกพ้อง คนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดการใช้ทรัพยากรเพื่อประชาชน อยากให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการสร้างอุตสาหกรรมและโอกาสให้ประเทศ ต้องระลึกไว้เสมอว่ารัฐบาลเป็นคนใช้เงินแต่คนที่ชดใช้เงินนั้นคือประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลหรือกลุ่มนายทุน " นายสมพงษ์ กล่าว ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเห็นว่า 1.ถ้าเราปลดล็อคทางเศรษฐกิจช้าไปผลกระทบจะสูงมาก แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นแต่ปลายปีจะได้เห็นแน่นอน หากปลดล็อคช้า อาจเกิดการว่างงานมากกว่าล้านคน 2.ต้องเร่งฟื้นการท่องเที่ยวให้ทันกับปลายไตรมาสสาม โดยเงิน 4 แสนล้านบาทที่รัฐบาลเตรียมไว้อาจจะไม่เพียงพอ และ 3.ยุทธศาสตร์ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงทันที จากเดิมที่พึ่งอีอีซีก็คงไม่สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่ำมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ โดยสะท้อนได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แม้ไม่มีวัคซีนแต่ประเทศไทยมีวัคซีนทางสังคมที่ลดการระบาดได้มาก เศรษฐกิจไทยอ่อนแอตั้งก่อนเกิดโควิด19 แล้ว ดังนั้น ต้องรีบเปิดเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา ดังนั้น ประเทศไทยต้องรีบแบรนด์ตัวเอง โดยต้องทำให้คนทั่วโลกคิดว่าเมื่อมาไทยแล้วจะมีสุขภาพดี หรือ Wellness Thailand จากเดิมเป็น Amazing Thailand ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีรากฐานที่แข็งแรงอยู่แล้ว เราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยเวลาจำเป็นอย่างยิ่งต้องพึ่งกำลังซื้อภายในประเทศเป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านอนามัย เทคโนโลยีเพื่อรองรับ NEW NORMAL จะเอาเงินกู้มาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ เพราะต้องลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ในอนาคต "เรามีระบบสาธารณสุขเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน แต่เราต้องต่อยอดให้เกิดความเชื่อมั่นเรามีความมั่นคงในเรื่องนี้มากพอ รวมไปถึงการท่องเที่ยวและภาคบริการ ซึ่งเราจะต้องพัฒนาให้เข้มแข็งต่อไป เช่นเดียวกับภาคการเกษตรที่ต้องมุ่งไปสู่ระบบอาหารปลอดภัย NEW NORMALในความหมายของพรรคเพื่อไทย คึอ การทำให้คนไทยและคนทั่วโลกที่มาประเทศไทยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขปลอดภัย ปลอดโรคและมีเสรีภาพ ดังน้้น ต้องลงทุนเพื่อให้ธุรกิจไทยเดินต่อไปและสามารถแข่งขันได้ภายหลังโควิด19" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว