พาณิชย์เผยยอดผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์แพงเกินจริงทั่วประเทศยังมีอย่างต่อเนื่องล่าสุดยอดรวมเพิ่มถึง 427 ราย นายสุพพัต อ่องแสงคุณโฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า(ศปส.) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ระหว่างวันที่ 11-17 พ.ค.63กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เพิ่ม 7 ราย ทั้งนี้ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 3 รายได้แก่ ร้านค้าทั่วไป 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์นำเข้าจากประเทศเวียดนาม บรรจุแพคละ 5 ชิ้น ในราคา แพคละ 120 (เฉลี่ยราคาชิ้นละ 24 บาท) กระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 เจ้าหน้าทำการล่อซื้อผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านแอพพลิเคชั่น Message 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่อง 420 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 8.40 บาท) จำนวน 100 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินราคาที่กำหนดและแพงเกินสมควรตามมาตรา 25 (1) มาตรา 29 และอีก 1 รายเป็นแผงจำหน่ายหน้ากากอนามัยหลังตลาดกระทรวงการคลัง จำหน่ายหน้ากากอนามัยรุ่น PM.2.5 แบบมีวาล์ว ในราคาชิ้นละ 70 บาท โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เป็นการกระทำความผิด ตามมาตรา 28 ส่วนต่างจังหวัด 4 ราย แยกเป็นการกระทำความผิด ดังนี้ กระทำความผิดตามมาตรา 28 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย เป็นร้านค้าออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ในจังหวัดอุตรดิตถ์ 1 ราย กระทำความผิดตามมาตรา 25 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินราคาที่กำหนด โดยการล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก 1 ราย ในจังหวัดศรีสะเกษ พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย บรรจุกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 450 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 9 บาท) กระทำความผิดตามมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร โดยการล่อซื้อและจับกุมร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก 2 รายในจังหวัดอุตรดิตถ์ พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย บรรจุกล่อง 50 ชิ้นในราคากล่องละ 590-650 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ11.8-13 บาท) จำนวน12 กล่อง ทั้งนี้ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มียอดรวมสูงขึ้นเป็น 427 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 192 ราย และต่างจังหวัด 235 ราย ส่วนการจำหน่ายไข่ไก่ในขณะนี้ เข้าสู่ภาวะปกติประชาชนซื้อเท่าที่พอเพียงต่อการบริโภค เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตไข่ไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น สามารถสั่งซื้อและส่งสินค้าได้ตามปกติ จากการ ติดตาม ตรวจสอบ และจับกุม ไม่พบการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ยอดรวมการจับกุมสะสม ทั้งหมด 29 ราย อย่างไรก็ตามโทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายสุพพัตกล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) เตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุน และขายสินค้าแพงเกินจริงโดยเฉพาะสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในสถานการณ์ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน หากประชาชนพบมีการกักตุนสินค้าและขายสินค้าแพงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดได้