JCK ยันงบในปี 63 พลิกเป็นบวก แม้โควิด-19 จะกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงัก กระทบยอดขายที่ดินในไตรมาสแรกหดวูบ แต่เชื่อว่าจะสามารถฟื้นตัวหลังรัฐบาลคลายล็อคดาวน์ เหตุมีลูกค้าในมือรอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมรวมกว่า 100 ไร่ นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ JCK ผู้ประกอกบการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเกิดการชะงัก จากข้อจำกัดในการเดินทาง และยังส่งผลให้ลูกค้าของบริษัทที่สนใจเข้าลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จำเป็นต้องชะลอการลงทุนออกไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ในไตรมาส 1 ของปี 2563 บริษัทไม่มีรายได้จากการขายที่ดินและอาคารโรงงาน และส่งผลให้มีรายได้รวม จำนวน 73.68 ล้านบาท ลดลง 43% ทั้งนี้บริษัทประเมินสถานการณ์น่าจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติได้ในระยะอันใกล้นี้ จากการที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้บริษัทฯคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะดำเนินเข้าสู่ภาวะปกติ และจะทำให้สามารถขายที่ดินได้ตามปกติ “แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทยังมีความมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะต้องพลิกเป็นบวกทันทีที่รัฐบาลปลดล็อกดาวน์ บริษัทจะเร่งดำเนินการในส่วนของลูกค้าที่ได้แสดงความต้องการจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทรวมแล้วราว 100 ไร่ ยังไม่นับรวมกับพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าอีกราว 28,000 ตารางเมตร ข้อสำคัญยอดขายคอนโดอาร์ติซานจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ จากที่ขายไปแล้ว 80% ของมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท” นายอภิชัย กล่าวอีกว่า อยากจะบอกผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลว่าบริษัทจะลงทุนเพิ่ม เพราะที่ดินในมือรอการพัฒนามีมากเพียงพอโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม โดยมีที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมรวมกว่า 800 ไร่ หากสามารถพัฒนาและขายได้จะก่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัท และไม่นับรวมที่ดินอีกราว 1,000 ไร่ รองรับการพัฒนาในเฟสที่ 2 นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขายโรงงานให้เช่าประมาณ 40,000-50,000 ตารางเมตร เข้าไปเป็นสินทรัพย์หลักของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า(Reit)