น.ส.กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือเอไอเอส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาพรวมปัจจุบันที่การตรวจพบผู้ติดเชื้ออยู่ในอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และพร้อมเปลี่ยนแปลง ปรับวิถีชีวิต วิถีการทำงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ให้ได้อย่างดีที่สุด จนนำมาซึ่งการประกาศผ่อนปรน คลายล็อคดาวน์บางส่วน จากภาครัฐ เพื่อร่วมกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจให้ยังคงเดินหน้าต่อได้ “ในส่วนของเอไอเอสนั้น บริษัทได้มีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ช่วงต้น และประกาศแผน BCP กระจายทีม และ กระจายสำนักงาน พร้อมเทคโนโลยีให้พนักงาน WORK FROM HOME มาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน พนักงานสามารถทำงาน เพื่อดูแล ส่งมอบบริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามมีพนักงานจำนวนมากจะคิดถึงบรรยากาศการทำงานใน Office ” ทั้งนี้จากสถานการณ์ที่พัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับ บริษัทจึงเห็นควรประกาศต้อนรับพนักงานกลับเข้าทำงานที่ Office แบบ 50% ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ด้วยแนวคิด “FIT FUN FAIR ชนะภัยโควิด” ภายใต้มาตรการดูแลด้านสุขอนามัยและการคัดกรองป้องกันขั้นสูงสุด ทั้งในภาพรวมของอาคารสำนักงาน ไปจนถึงการปฏิบัติตัวของพนักงานเองที่ยังคงยึดหลัก Social Distancing เป็นสำคัญ โดยมีรูปแบบการทำงานช่วงคลายล็อคอาทิ 1.แบ่งพนักงานออกเป็นทีม A,B ที่จะสลับกันเข้าทำงานในสำนักงาน คนละ 2 สัปดาห์ โดยเมื่อครบกำหนดจะมีการทำความสะอาดแบบ deep cleansing ตามหลักสาธารณสุข ก่อนที่อีกทีมจะเข้าปฏิบัติงาน รวมถึงจัดเวลาเข้างานแบบยืดหยุ่น (Flexy Hour) 2.บริหารรูปแบบการใช้พื้นที่ใหม่ตามหลัก Social Distancing อาทิจัด Work Station แบบเว้นระยะห่างระหว่างทีม,เน้นการประชุมและ Brainstorm ผ่านทาง Online เป็นหลัก,แบ่งช่วงเวลาการใช้ห้องอาหารและพื้นที่ส่วนกลางที่จำเป็น เพื่อลดความหนาแน่น 3.มีการคัดกรองและดูแลด้านสุขอนามัยขั้นสูงสุด อาทิ การวัดอุณหภูมิร่างกาย,การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา,การทำความสะอาด work station และพื้นที่อาคารสำนักงานทุก 30 นาที 4.ยังคงให้พนักงานงดการเดินทางทั้งใน และต่างประเทศจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น “การเปิด Office ต้อนรับพนักงานกลับมาทำงานในรอบนี้ จะเต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ด้วยรูปแบบและวิถีที่ให้เทคโนโลยีเป็นตัวดำเนินในทุกกิจกรรม และทุกกระบวนการที่สามารถทำได้ เพื่อสนับสนุน Social Distancing พร้อมการปลูกจิตสำนึกให้พนักงานใช้ชีวิตแบบ FIT FUN FAIR ซึ่งเป็น DNA ของคนเอไอเอส เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือกับสภาวะการแพร่ระบาดในครั้งนี้ร่วมกันให้ได้อย่างดีที่สุด”