"มท." สั่งผู้ว่าฯ เข้มยึดข้อกำหนดศบค.คลายล็อคเฟส 2 ห้ามเพิ่มกิจกรรม-กิจการใด เน้นสน้างความรับรู้ปชช. เห็นต่างให้รายงานมาส่วนกลาง ป้องลักลั่น-สับสน เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2563 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ส่งหนังถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อกำหนดและคำสั่ง จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ 1.ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 15พ.ค.63 มีสาระสำคัญ ดังนี้ (1) การห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 23.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และให้ข้อยกเว้นตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 10เม.ย.63 ยังคงใช้บังคับต่อไป (2) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจพิจารณาผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา เฉพาะการให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้า เด็กยากไร้ หรือเด็กด้อยโอกาส หรือเพื่อกิจกรรมอันเป็นประโยชน์สาธารณะ โดยยังคงงดเว้นการใช้เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ หรือการฝึกอบรม (3) การผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งการจัดระเบียบและระบบต่งๆ ให้สถานที่หรือการดำเนินกิจกรรมที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดเคยมีคำสั่งปิดสถานที่ไว้เป็นการ ชั่วคราว ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2558 (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 1พ.ค.63 สามารถเปิดดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างเพิ่มเติมได้ทั่วราชอาณาจักรตามความสมัครใจและความพร้อม (4)ให้เจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ตาม (3) มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้จัดระเบียบตามคำแนะนำ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือที่ทางราชการกำหนด ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบ แนะนำ ตักเตือน ห้ามปราม หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกฎหมาย (5)ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีคำสั่งปิดสนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามการแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันเพิ่มเติม รวมทั้งดำเนินการอื่นใดให้สอดคล้องกับข้อกำหนดนี้ 2. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 3/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 2) ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้ำที่ดำนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค์โดยเคร่งครัด ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด - 19) กระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้ว ขอให้จังหวัดดำเนินการดังนี้ 1. รับทราบ ถือปฏิบัติ และออกคำสั่ง ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 7) และคำสั่งศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 3/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 2) โดยเคร่งครัด ข้อกำหนดฯ ถือเป็นกฎหมายที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 จึงต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด ไม่ต้องเพิ่มเติมกิจการ/กิจกรรมใดๆ แต่อาจเสริมมาตรการในทางปฏิบัติได้ 2. สร้างการรับรู้ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคโควิด- 19 ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถาการณ์การแพระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 3/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 2) แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับ 3. หากผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาและมีความเห็นจะดำเนินการอื่นใดต่างไปจากข้อกำหนดฯ ให้รายงานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) กระทรวงมหาดไทยก่อนดำเนินการ เพื่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) กระทรวงมหาดไทย จะได้รายงานสูนย์บริหารสถานการณ์การแพระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19)เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตฐานเดียวกัน ในการตรวจสอบและให้ทุกส่วนงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ได้รับทราบ เพื่อประสานการปฏิบัติไม่ให้เกิดความลักลั่นและนำไปสู่การวิพากษ์ว่าส่วนราชการไม่มีการบูรณาการซึ่งกันและกัน รวมทั้ง ไม่ให้เกิดความสับสน ต่อประชาชน และผู้ปฏิบัติงานได้รับความคุ้มครองจากพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 4. ให้รายงานผลการปฏิบัติงาน ปัญหา/อุปสรรค และข้อแนะนำตามแบบที่กำหนดต่อเนื่อง ไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) กระทรวงมหาดไทย เป็นประจำทุกวัน ภายในเวลา16.00น.