“KUMWEL”โชว์ผลประกอบการ Q1/63 กวาดรายได้รวม 119.45 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13.08 ล้านบาท พุ่ง 45.33% ดีมานด์สินค้าระบบต่อลงดินเพิ่ม โควิด-19 กระทบระยะสั้น ปรับกลยุทธ์รับมือรักษาฐานะการเงินมั่นคง บริหารต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ขยายฐานลูกค้าเปิดโอกาสรับงานใหม่ นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (KUMWEL) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบป้องกันฟ้าผ่าและเตือนภัยฟ้าผ่าอย่างครบวงจร ตามมาตรฐานสากล ภายใต้ตราสินค้า “Kumwell” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/63 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 119.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 109.19 ล้านบาท จำนวน 10.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.39% และมีกำไรสุทธิ 13.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.00 ล้านบาท จำนวน 4.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.33% ทั้งนี้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าในระบบต่อลงดินของโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ภาครัฐ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการใช้สินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปรับกระบวนการขายในเชิงรุก โดยเฉพาะลูกค้าในภูมิภาคเอเชียที่ยอดขายฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทประเมินว่าได้รับผลกระทบในระยะสั้น ส่งผลให้การอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างล่าช้าออกไป บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ลดค่าใช้จ่ายควบคู่ไปกับบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเป็นหลัก เพื่อให้มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เตรียมไว้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ พร้อมเดินหน้าดำเนินงานตามแผนอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งการสร้างฐานลูกค้าใหม่ และต่อยอดลูกค้าเดิม จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มปริมาณงานติดตั้งอุปกรณ์และระบบเตือนภัยฟ้าผ่า สำหรับแผนการดำเนินงานไตรมาส 1/63 โครงการต้นแบบในระบบ “Smart Lightning Management System” นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะ ที่ KUMWEL เป็นผู้พัฒนารายแรกและรายเดียวของโลก บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณจากหลายโครงการที่มีความสนใจต้องการใช้บริการระบบดังกล่าว โดยกลุ่มลูกค้ารายใหม่ อาทิ กลุ่มการไฟฟ้าและพลังงาน คมนาคม การสื่อสารโทรคมนาคม โรงพยาบาล และความมั่นคงทางทหาร ถือเป็นโอกาสของ KUMWEL มีแนวโน้มได้รับงานใหม่ในส่วนนี้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย คาดว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเริ่มพิจารณาทยอยลงทุน ซึ่งทุกโครงการเป็นงานโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์และระบบเตือนภัยฟ้าผ่า อีกทั้งการเติบโตจากธุรกิจสินค้านวัตกรรมใหม่ “Smart Lightning Management System” นวัตกรรมระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบอัจฉริยะ ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในอนาคต ที่จะส่งผลให้ประกอบการทั้งปี 63 คาดว่าเติบโตได้ 15% ตามเป้าหมาย