“PRIME”โชว์ฟอร์มดี สวนทางเศรษฐกิจ เผยงบไตรมาส 1/2563 กำไรพุ่งแรง 91.71 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.34% จากช่วงเดียวกันของปี 62 มั่นใจปีนี้ผลงานเข้าเป้า ดันพอร์ตไฟฟ้าเติบโต พร้อมเดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าทั่วเอเชีย ลุยสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ใหญ่สุดในกัมพูชา นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PRIME’ ผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำ เปิดเผยว่า “สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ในปี 2563 บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากค่าเงิน ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงินในธุรกิจโรงไฟฟ้าในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทจะมีรายได้รวม 185.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.85% จากรายได้รวม 164.25 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 91.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.34% จากกำไรสุทธิ 78.83 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิสูงประมาณ 48.86% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มโรงไฟฟ้า” ทั้งนี้บริษัทได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์โดยการควบรวมกับบริษัท Food Capitals (FC) เมื่อปลายปีก่อน จึงทำให้งบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2562 ที่แสดงในเว็บไซต์ของ SETยังเป็นของ FC อยู่ ดังนั้นหากเทียบกับงบของธุรกิจเก่า จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัท โดยมีการเติบโตของรายได้ 30% และกำไรสุทธิ 1,192%” สำหรับในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท ทั้งจากสัญญาขายไฟให้กับรัฐ และการรับเหมาติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมวางกลยุทธ์ Go Inter มุ่งลงทุนโซลาฟาร์มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ Go Local มุ่งพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศ โดยเตรียมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายละเอียดในเร็วๆนี้ นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนโครงการในต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อคัดเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัทฯ ทั้งนี้โอกาสการลงทุนจากหลากหลายประเทศเข้ามาจากที่บริษัทชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชาที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้วางแผนรวมถึงช่วยจัดประมูลให้รัฐบาลกัมพูชา” โดยปัจจุบัน PRIME มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ โดยจ่ายไฟแล้ว 179 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่าง พัฒนาและก่อสร้าง 108 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้น อยู่ในประเทศไทยจำนวน 132.3 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 68.2 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวันจำนวน 8.5 เมกะวัตต์ และล่าสุดบริษัทเตรียมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Farm ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ หลังจากชนะการประมูลระดับนานาชาติ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลจากทั่วโลกกว่า 100 บริษัท โดยโครงการนี้จะมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้างที่จังหวัดกัมปงชนัง และด้วยประเทศกัมพูชา เป็น 1 ในประเทศกำลังพัฒนา ที่กำลังขยายตัวทั้งภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทำให้มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในปริมาณมากบริษัทฯ จึงคาดว่าจะมีโอกาสขยายการลงทุนในประเทศกัมพูชาได้เพิ่มเติมในอนาคต สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก กำลังปรับตัวสู่พลังงานสะอาด เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทมั่นใจว่าจะเอื้ออำนวยต่อแผนการขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทคือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันผู้บริหารของบริษัทมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการ พลังงานทดแทนในไทยกว่า 10 ปี โดยในส่วนการลงทุนต่างประเทศ บริษัทมุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพ เติบโตสูง และความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมากอาทิ มาเลเซีย เวียดนาม มองโกเลีย และอุซเบกิสถาน “ปัจจุบัน บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 17,017,941,757 บาท (ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น) และมีสถานะการเงินที่ดี ข้อมูลทางการเงิน ณ 31 มีนาคม 2563 PRIME มีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เพียง 1.13 เท่า โดยมีสินทรัพย์จำนวน 5,519 ล้านบาท และหนี้สินรวม 2,929 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,591 ล้านบาท