GUNKUL ศักยภาพเปี่ยมล้น โชว์งบไตรมาส 1/2563 กำไรในส่วนของบริษัทเท่ากับ 439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.25% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 1,774 ล้านบาท เผยภาพรวมธุรกิจของกลุ่มยังแข็งแกร่ง เดินหน้าทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาฟาร์ม และพลังงานลมที่ COD ไปแล้ว เตรียมประมูลโครงการใหม่เพิ่มหนุนรายได้ทั้งปีโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 25% แตะ 9,000 ล้านบาท น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2563 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2563) ของบริษัทและบริษัทย่อยว่า มีกำไรในส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 439 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 225 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 95.25% ทั้งนี้กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 1,774 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้จากการขายไฟฟ้า และส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าเท่ากับ 936 ล้านบาท รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง และให้บริการเท่ากับ 261 ล้านบาท และรายได้จากการขายเท่ากับ 380 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือปีนี้ของกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นทุกไตรมาส จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีงานก่อสร้างในมือ (Backlog) ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี จึงทำให้มั่นใจรายได้ และกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไม่น้อยกว่า 25% หรือแตะ 9,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์ยังคงเป็นตัวหลักในการสร้างรายได้และทำกำไรของบริษัทในปีนี้ “ผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมานั้น ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะสามารถเติบโตทั้งรายได้ และกำไร ซึ่งมาจากธุรกิจผลิต การจัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงงานรับเหมาก่อสร้าง ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ในส่วนของโครงการที่ได้ลงทุนไปแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างยังคงดำเนินธุรกิจได้ตามแผน ขณะที่โครงการใหม่ๆ ได้ทยอยประมูลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาดว่า ผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือปีนี้ของกลุ่มบริษัทจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นทุกไตรมาสอย่างแน่นอน”