นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ พาดพิงถึงพรรคก้าวไกล กรณีให้ความเห็นในการดำเนินกิจกรรมภายใต้แฮชแท็ก #ตามหาความจริง เเละวิพากษ์วิจารณ์ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช เเละคณะก้าวหน้า ครอบงำ หรือควบคุมกิจกรรมทางการเมืองนั้น อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.ป. พรรคการเมือง โดยมีโทษถึงยุบพรรคเเละเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น ตนคิดว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนมีสิทธิทวงคือความยุติธรรมที่มีเงื่อนงำมาสิบปี การเปิดเผยข้อเท็จจริงกรณีการสูญเสียจากเหตุการณ์ชุมนุมในเดือนพ.ค. ปี 2553 เป็นสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่ต้องฝักใฝ่ฝ่ายใด  เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากความอยุติธรรมในบ้านเมืองนี้ แต่จบด้วยความสูญเสียที่ต้องแลกด้วยชีวิตคนบริสุทธิ์ 99 ศพ "วันนี้การทวงถามความจริงไม่ใช่หน้าที่ของพรรคก้าวไกลหรือคณะก้าวหน้า แต่ควรเป็นหน้าที่คนในชาติด้วยซ้ำ ประเด็นการยุบพรรคที่น.ส.ทิพานันกล่าวนั้นหากจะยุบเพราะพวกเราทวงถามความเป็นธรรมให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์แล้วละก็ ผมคิดว่ามันน่าสังเวชกว่ากรณีเงินบริจาคเท่ากับเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่เสียอีก" นายณัฐชา กล่าวว่า การที่ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาร่วมสนับสนุนแคมเปญและแฮชแท็กดังกล่าว เพราะมันเป็นสิ่งพรรคก้าวไกล สืบทอดเจตนารมณ์ มาจากพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบไป คือการเรียกร้องต่อสิทธิเเละเสรีภาพของประชาชน ส่วนประเด็นที่ว่าน.ส.พรรณิการ์ และคณะก้าวหน้า ครอบงำพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องตลก ไม่ใครครอบงำเราได้ เพราะเราคือสายเลือดเดียวกัน  "กรณีนี้ดูเหมือนพรรครัฐบาล ต้องการชี้ช่องให้อำนาจเดิมๆ เล่นงาน เล่นสกปรก ทางการเมือง ผมว่าเรามาช่วยกันแก้ไขปัญหาประเทศชาติจะดีกว่า ให้ผ่านวิกฤติโควิด-19  และจะยุบหรือไม่ยุบให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลคือประชาชน เรามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะหาหาความจริง อย่างน้อยเพื่อปกป้องศักดิ์และศรีของวีรชนที่สละชีวิต” นายณัฐชา กล่าว