จากเหตุการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงไตรมาสแรกของปี ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ในแต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการเตรียมพร้อมและวางแผนเพื่อการรับมือและช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบผ่านมาตรการของทางภาครัฐกับโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการพักชำระหนี้ หรือแม้กระทั่งโครงการสินเชื่อจากภาครัฐเพื่อให้ผู้ประกอบการยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ในขณะเดียวกันนี้ทางธนาคารได้เตรียมความพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจ SME ที่เตรียมเข้าร่วมประมูลงานโครงการต่างๆของภาครัฐ เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการอุปโภคและบริโภคระยะยาวของประเทศ นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานกาณ์โควิด-19 ตั้งแต่ไตรมาสแรกเป็นต้นมา ทางธนาคารเองได้ตั้งรับและเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบมาโดยตลอดกับโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการภาครัฐที่สำคัญกับประเทศในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวสำหรับคนไทยและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประมูลงานและรับงานจากภาครัฐสามารถดำเนินงานได้อย่างควบคู่กันไป ทางธนาคารได้เตรียมความพร้อมเพื่อการเดินหน้าทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเติบโตต่อได้เช่นเดียวกัน ซึ่งธุรกิจที่พร้อมหนุนโดยเมื่อดูจากการใช้จ่ายภาครัฐจะยังคงเกิดขึ้นตามแผนงบประมาณประจำปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบลงทุนสำหรับพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคของประเทศถึง 6.4 แสนล้านบาท เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นต้น โดยธนาคารจึงมองเห็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างจากภาครัฐตลอดจนการลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทดแทนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัว ทั้งนี้ในระหว่างรอสัญญาณเดินหน้าจากภาครัฐ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เตรียมแคมเปญสินเชื่อเพื่อธุรกิจรับเหมาภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐได้อย่างเต็มศักยภาพ “ด้วยโซลูชั่นครบวงจรที่ออกแบบสำหรับธุรกิจรับเหมาภาครัฐโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดโอกาสในการประมูลงานที่สำคัญอย่างแน่นอน โดยคาดว่าในปี 2563 หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจจะมีการเปิดประมูลงานรับเหมาสำหรับโครงการขนาดต่างๆ” สำหรับแนวคิดดังกล่าวจึงเป็นที่มาของโซลูชั่นครบวงจรที่ออกแบบเพื่อการช่วยเหลือและเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมการเติบโตสำหรับธุรกิจรับเหมาภาครัฐโดยเฉพาะ ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านบริการ SCB Business Anywhere นาน 1 ปี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินส่วนนั้นไปใช้ในการดูแลพนักงานและเตรียมพร้อมสำหรับการทำธุรกิจ พร้อมเปิดตัวเลือกสำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียนมโอนเงินผ่านและรับฝากเช็คข้ามเขตตลอดไป (เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป) เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มความคุ้มครองให้ผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันรวมถึงสินเชื่อเพื่อการหมุนเวียนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ (วงเงินการหนังสือค้ำประกัน (L/G) สูงสุด 100 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินหน้าไม่มีสะดุดด้วยวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (O/D และ P/N) สูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกัน) ผ่านการตั้งอนุมัติวงเงินสำหรับโครงการนี้ไว้ถึง 17,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจได้ตลอดการรับงานจากภาครัฐ พร้อมจับมือกับ Builk ผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญทางด้านรับเหมาก่อสร้างโดยนำโปรแกรมพจมาน 2 ซึ่งเป็นระบบ ERP ในการคำนวณต้นทุน กำไร ครอบคลุมถึงส่วนต่างๆในธุรกิจเพื่อสร้างประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตในการทำธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครโซลูชั่นครบวงจรเพื่อธุรกิจรับเหมาภาครัฐกับธนาคารไทยพาณิชย์ได้ผ่านทาง https://scbsme.scb.co.th/products-detail/sme-government-construction ตั้งแต่วันนี้-31 ธ.ค.63