นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ Watana Muangsook ระบุว่า... ผมรู้สึกสยดสยองกับแนวคิดของทีมเศรษฐกิจ ล่าสุดรองนายกฯ จะผลักดันโครงการฟื้นฟูเกษตรกรหลังโควิด-19 เข้า ครม. ขอใช้เงิน 55,000 ล้าน เพื่ออบรมคนตกงานเข้าสู่ภาคเกษตร สนับสนุนสินเชื่อและหาตลาดให้โดยใช้เครือ ปตท. ซึ่งมีปั๊มน้ำมันอยู่ทั่วประเทศมาช่วยขายสินค้าเกษตรเปลี่ยนจากเติมน้ำมันแถมน้ำมาเป็นแถมผลไม้ . แนวคิดดังกล่าวมีจุดอ่อนมากมาย เช่น (1) ปั๊ม ปตท. ทั่วประเทศมี 1,700 แห่ง (ข้อมูลปี 2562) ซึ่งอยู่ห่างกันใครจะเป็นผู้ขนสินค้าเกษตรมาส่งที่ปั๊ม (2) ใครเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ถ้าเกษตรกรและเจ้าของปั๊มไม่ยอมรับราคานั้นจะทำอย่างไร (3) ผักและผลไม้เป็นของเน่าเสีย (parishable) ถ้าขนมาถึงปั๊มเกิดช้ำและเสียหายใครจะรับผิดชอบ (4) ถ้าลูกค้าที่เติมน้ำมันไม่เอาของแถมเป็นผลไม้หรือของเหลือจะทำอย่างไร . ส่วนการอบรมคนตกงานเข้าสู่ภาคเกษตรซึ่งคาดว่าจะมีคนตกงาน 7.5-10 ล้านคน คำถามคือจะเอาที่ดินที่ไหนให้ปลูกและจะปลูกอะไร สินค้าเกษตรของไทยมีปัญหาในเรื่องการตลาดที่รัฐบาลประยุทธ์ไม่เคยดูแลได้จนกำลังซื้อทั้งประเทศตกทำเศรษฐกิจแย่จนคนต้องฆ่าตัวตายก่อนโควิดแล้ว ก่อนจะสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกจะต้องสำรวจตลาดก่อน เพราะหัวใจของการเกษตรคือการตลาดที่แม่นยำ (precision in demand) หรือจะให้เกษตรกรเอาผลผลิตไปขายที่ดาวอังคารอีก . ก่อนหน้านี้ท่านเคยเสนอจะผลักดันสินค้าโอทอปที่ผมเคยมีความเห็นตามลิ้งค์ที่แนบมา คราวนี้แม้จะเปลี่ยนเป็นสินค้าเกษตรก็ยังมีปัญหาที่คิดไม่จบ แต่ถ้าคิดได้แค่นี้ก็อย่าทำเลยเพราะเสียดายเงินกู้ที่มาจากภาษีของประชาชน ยิ่งถ้าเกษตรกรต้องไปกู้เงิน ธกส. ยิ่งจะเป็นปัญหาทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เพิ่มขึ้นเหมือนที่พลเอกประยุทธ์เคยแนะนำให้เลิกปลูกข้าวไปปลูกหมามุ่ยจนเจ๊งกันมารอบหนึ่งแล้ว . ส่วนเรื่องการเสริมสร้างสมรรถนะ (capacity building) และการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข ผมเคยพูดไปหลายครั้งตามลิ้งค์ที่แปะมาให้ดู แต่ถ้าจะให้แนะนำอีกจะบอกว่าความขยันในบางเรื่องถ้าลดลงบ้างก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ