“GPI”คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวครึ่งปีหลัง หลังเลื่อนจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 เป็นเดือนก.ค.นี้ เนื่องยังมีมาตรการเคอร์ฟิว ลุ้นรัฐปลดล็อกการจัดงานแสดงสินค้า หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต่อวันในไทยลดลง ชี้หลังบริษัทแตกไลน์เข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงขยะแปรรูปหนุนความมั่นคงและการเติบโตในอนาคต ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากตัดสินใจเลื่อนการจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 (Bangkok International Motor Show 2020) ออกไปเป็นเดือนก.ค.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มีการต่ออายุการบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและมาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อยับยั้งโรค COVID-19 เช่น ห้ามชุมนุมคน งดเว้นการจัดงานแสดงสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้จากสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ต่อวันในประเทศไทยที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายการล็อกดาวน์ให้บางธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง บริษัทได้ติดตามสถานการณ์และหากรัฐบาลอนุญาตให้เริ่มดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าได้ บริษัทพร้อมจะเดินหน้าจัดงาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 โดยมีมาตรการตรวจคัดกรองผู้เข้าชมและมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวดเพื่อให้ความมั่นใจแก่ทุกฝ่าย “เดิมเรากำหนดจัดงานมอเตอร์โชว์ไว้ในช่วงปลายเดือนมี.ค.ถึงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่เมื่อจำเป็นต้องเลื่อนการจัดงานจะกระทบต่อการรับรู้รายได้ที่ต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเรายังมั่นใจจะสามารถจัดงานมอเตอร์โชว์ได้ตามแผนงาน” โดยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งนับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งสำคัญของบริษัท ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีความมั่นคงและแนวโน้มเติบโตที่ดี ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่ช่วยเพิ่มผลกำไรแก่บริษัทได้อย่างสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้น สำหรับการลงทุนดังกล่าว GPI เข้าลงทุนถือหุ้น 25.45% ในบริษัททรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงขยะแปรรูป (RDF: Refuse Derived Fuel) ในจังหวัดนครสวรรค์ กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผนงาน โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับ Adder หรือส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า 3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า หลังจากนั้นราคารับซื้อจะเป็นไปตามราคารับซื้อพื้นฐานและนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ทรูเอ็นเนอร์จีได้จัดเตรียมแหล่งขยะโดยทำสัญญากับเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เพื่อรับกำจัดขยะด้วยวิธีคัดแยก มีอายุสัญญา 25 ปี (นับจาก 12 พ.ย.58) ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าตลอดอายุสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้า