รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanarat ระบุว่า...หลักเดียวนะ... จริงๆ วันนี้เฉียดสองหลัก แต่เค้ากันออกไปบางส่วนเพราะยังสอบสวนไม่เสร็จ เอาเฉพาะที่ได้ประวัติครบแล้วแน่ๆ จะพบว่า มีกทม. ชลบุรี นราธิวาส ที่น่าสนใจคือ หนึ่ง ประวัติสัมผัสกับคนในครอบครัวติดเชื้อมาก่อน แต่ตรวจไปแล้วผลเป็นลบ ต่อมาอีกสองสัปดาห์เริ่มมีอาการ จึงตรวจซ้ำพบว่าติดเชื้อ นี่เป็นเรื่องย้ำเตือนเราว่า ถ้าประวัติสัมผัสใกล้ชิด โอกาสติดก็ย่อมมีสูง เคยเอางานวิจัยมาเล่าให้ฟังแล้วว่า มีโอกาสราว 30% ดังนั้นแม้ผลเป็นลบจากการตรวจ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังตัวเอง หากมีอาการสงสัยต้องรีบไปตรวจซ้ำนะครับ สอง ผู้ป่วยในโรงพยาบาล เคยนอนในหอผู้ป่วยที่มีผู้ติดเชื้อมาก่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่โรงพยาบาลต้องวางแผนไว้ยาวไปในอนาคต เกี่ยวกับการทำการคัดกรองผู้ป่วยทุกรายที่มานอนโรงพยาบาล รวมถึงเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยระหว่างนอนรับการรักษา และการกันพื้นที่ที่ใช้สำหรับดูแลผู้ติดเชื้อให้แยกจากผู้ป่วยอื่นๆ สาม ที่เหลือมาจากคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ โดยอยู่ในระหว่างการกักตัวสังเกตอาการในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ บ่งถึงความสำคัญของ State Quarantine ที่ต้องเข้มแข็ง ขืนรัฐบ้าจี้ทำตามเอกชนบางรายที่เสนอให้ประเทศต้นทางออกแค่ใบรับรองสถานะสุขภาพ แล้วเข้ามาท่องเที่ยวเสรีในประเทศไทย รับประกันได้ว่า มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะมีโรคระบาด รายอื่นๆ ที่มีรายงานเบื้องต้นนั้นอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวในภาคใต้ เราคงต้องรอดูว่ามาจากสาเหตุใดเป็นหลัก พรุ่งนี้วันที่ 11 หากตัวเลขไม่พุ่งขึ้น ก็อาจพอเบาใจได้ว่า การเดินทางก่อนวันแรงงานแห่งชาตินั้นไม่ได้ทำให้แย่ลง อาจเพราะแต่ละจังหวัดปลายทางได้ช่วยกันรณรงค์กักตัวผู้เดินทางจากจังหวัดเสี่ยงได้ ส่วนวันที่ 12 เป็นวันที่ไทยเราจะดึงกราฟมาแตะที่ 5% ได้ และจะยังเป็นช่วงที่สังเกตดูว่าการปลดล็อควันที่ 3 นั้นจะส่งผลต่อการระบาดของโรค COVID-19 มากน้อยเพียงใด ต้องสังเกตกันไปถึง 15 พฤษภาคมครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคน... #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #StayHome #โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน #ออกจากบ้านยามจำเป็น #ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่นๆ #NewNormal_NewMe