นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ประจำเดือน พ.ค.63 เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ได้พิจารณาปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศไทยในปีนี้จะหดตัว -3% ถึง -5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน มี.ค.ว่าจะเติบโตที่ระดับ 1.5-2.0% หลังจากในช่วงไตรมาส 1/63 คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -5% ขณะที่การส่งออกทั้งปีประเมินว่าจะหดตัว -5% ถึง -10% โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในลักษณะ V shape คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้สถานการณ์ในขณะนี้ คงชะลอออกไปถึงระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะการฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคงเป็นเรื่องในระยะยาว คาดว่าน่าจะเป็นช่วงปีหน้าหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกคลี่คลาย และมีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ออกใช้งานได้แล้ว สำหรับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น กกร.เคยมีข้อเสนอต่อภาครัฐ 34 เรื่อง โดยภาครัฐได้ดำเนินการไปแล้ว 11 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณา 11 เรื่อง และยังไม่ได้พิจารณา 12 เรื่อง ซึ่งหากมีโอกาสจะนำเสนอต่อภาครัฐอีกครั้ง นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันศุกร์นี้ผู้ประกอบการจะไปหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด หากมีการผ่อนปรนมาตรการระยะสอง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น ห้างสรรพสินค้า ทั้งนี้ภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการทำงานที่บ้านไม่ต่ำกว่า 50% ออกไปอีก 1 เดือน ส่วนการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership :CPTPP)ของไทย ว่า ที่ประชุม กกร.ขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยให้มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเนื้อหาและจุดยืนในการเจรจาครั้งนี้ว่าประเทศจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้เสนอข้อมูลให้ภาครัฐได้ทราบจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ กกร.มีคณะทำงานที่มาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ CPTPP ภายใน 1 เดือน