เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับเรื่องการต่างประเทศ นายกฯ ได้พูดถึงเรื่องการมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญ ตอนนี้สถานการณ์การติดเชื้อของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป อย่างประเทศจีนเขาก็ควบคุมได้เป็นเลขหลักหน่วย เกาหลีใต้ที่เรารายงานบ่อยๆ ก็เป็นเลขหลักหน่วย "นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอว่า น่าจะมีการปรับในเรื่องการประกาศรายชื่อ และถอนประเทศบางประเทศที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ออกไป เพื่อให้มีเรื่องของการทำงานหรือมีความสัมพันธ์ในเชิงด้านเศรษฐกิจสังคมต่างๆ ที่ดีกันไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ และที่ประชุมเห็นชอบ แต่อย่างไรก็ต้องนำไปสู่การดำเนินการต่างๆ ที่เป็นไปตามขั้นตอนไป ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ก็พึ่งพาการเดินทาง ต้องระมัดระวังด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าประเทศได้ทันที ยังต้องมีมาตรการต่างๆ ที่จะจัดการต่างๆ ซึ่งในที่ประชุม คงต้องมีการพูดคุยกันต่อ" นพ.ทวีศิปล์กลาวว่ากรณีต่างประเทศหลายประเทศเปิดกิจการทางเศรษฐกิจนั้น เช่น สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย นั้น สองประเทศไทยนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อห้าม และยังไม่ได้กล่าวถึงการทำการค้าระหว่าง 2 ประเทศนี้ กล่าวถึงแต่เพียงจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งได้ประกาศเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตามไม่ว่าประเทศใดจะอยู่ในรายชื่อหรือไม่อยู่ในรายชื่อ แต่เรามีมาตรการป้องกัน คัดกรองหลายขั้นตอน ความเข้มงวดตรวจคนเข้าเมืองยังคงตรึงไว้อยู่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯ ยังกล่าวในที่ประชุมถึงการทำงานร่วมกันของประเทศอาเซียน เช่น รวมกลุ่มกันเพื่อลงทุน เรื่องวัคซีน รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันด้านสาธารณสุข รวมถึงการผ่อนผันแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานได้ เช่น การให้สมาร์ทวีซ่า การจัดตั้ง Test lab และการพัฒนาอุปกรณ์แพทย์ เช่น ชุดพีพีอี ซึ่งขณะนี้ขาดตลาดไปทั่วโลก สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม เช่น การปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนให้แก้ปัญหาการเข้าถึง การค้ำประกัน ให้ผู้ประกอบการอัญมณี นอกจากนี้ เรื่องการฟื้นฟูจากผลกระทบจากด้านสาธารณสุข ไปสู่เศรษฐกิจ และสังคม ขณะนี้ได้รับแผนจาก 20 ผู้นำทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีโครงการหลายเรื่องสามารถลงไปในระดับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ ซึ่งนายกฯ คิดว่าอาจจะใช้แนวทางเหล่านี้ประกอบกับภาครัฐเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและฟื้นฟูได้