รถไฟฟ้าบีทีเอส ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร อำนวยความสะดวก และจัดระเบียบ ผู้ใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า - เย็น เพื่อปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างในการเดินทาง​ (Social Distancing) พร้อมขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เผื่อเวลาในการเดินทางให้มากขึ้น และสนับสนุนแนวคิดให้ภาครัฐ และเอกชนขยับหรือเหลื่อมเวลาในการทำงาน เพื่อกระจายการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ ลดความเสี่ยง และความแออัดในการเดินทางของประชาชน ขณะที่บีทีเอสยังคงเข้มงวด และเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นฆ่าเชื้อเพื่อสกัดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา​2019​ (โควิด-19)​ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด​ (มหาชน) กล่าวว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส ยังคงเข้มงวด และเพิ่มความถี่ ในการฉีดพ่น และเช็ดทำความสะอาด ภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วม ภายในสถานี และบริเวณรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ​ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) บีทีเอสได้นำรถไฟฟ้าทุกขบวนที่มีอยู่ทั้งหมด 98 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวมทั้งหมด 392 ตู้ ออกให้บริการเพื่อรองรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ทำให้การรักษาระยะห่างระหว่างกันไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัด แต่สำหรับการเดินทางที่ไม่ใช่ในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้โดยสารยังคงสามารถรักษาระยะห่างในการเดินทางได้ในระดับปกติ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นต้นไป รถไฟฟ้าบีทีเอส ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร โดย พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร จัดส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาทำงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่บีทีเอส เพื่อช่วยจัดระเบียบ และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการในสถานีหลัก 17​ สถานี​ ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงเช้า และเย็นให้สามารถรักษาระยะห่าง และไม่เข้ามากระจุกตัวภายในขบวนรถ,​ บริเวณชั้นชานชาลา และพื้นที่บริเวณชั้นจำหน่ายตั๋วมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่บริเวณพื้นที่รอบนอกสถานีมากขึ้น "ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้เผื่อเวลาในการเดินทางให้มากขึ้น เพราะจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้น ในการจัดระเบียบการเข้าใช้บริการ นอกจากนี้แม้บีทีเอสจะนำขบวนรถที่มีอยู่ออกวิ่งให้บริการทั้งหมด แต่การจัดที่นั่งให้มีระยะห่างภายในขบวน หากปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจะทำให้ความจุผู้โดยสารแต่ละขบวนลดลงเหลือเพียง 1​ ใน​ 4 ของจำนวนผู้โดยสารที่รองรับได้ในภาวะปกติเท่านั้น" นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า บีทีเอส สนับสนุนแนวคิดที่ให้มีการบริหารจัดการเวลาการทำงานใหม่ โดยขยับหรือเหลื่อมเวลาในการทำงานของราชการ และบริษัทเอกชน โดยให้เข้าทำงานหรือเลิกงานได้เร็วขึ้นหรือช้าลงกว่าในภาวะปกติ รวมทั้งแนะนำให้ขยับวันหยุดงานเป็นวันศุกร์ หรือวันอื่นๆ​ด้วยเพื่อกระจายการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยง และความแออัดในการเดินทางของประชาชน ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค บีทีเอสยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้า โดยก่อนเข้าระบบรถไฟฟ้าให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่บีทีเอสเตรียมไว้ให้บริเวณโต๊ะตรวจการหน้าทางเข้า - ออกทุกสถานี และต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้ง รวมทั้งในระหว่างเดินทางหรืออยู่ในขบวนรถ พยายามหลีกเลี่ยงการนำมือขึ้นมาจับใบหน้า โดยเฉพาะ จมูก ปากและตา โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยกันภายในขบวนรถ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และก่อนออกจากระบบรถไฟฟ้าอย่าลืมกดล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่มีจัดไว้ให้ทุกสถานี ทุกครั้ง สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สบายหรือมีไข้ขอความร่วมมืองดใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส รถไฟฟ้าบีทีเอสขอสงวนสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้เข้าระบบรถไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง ทั้งนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอส ยังคงเข้มงวด และเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น และเช็ดทำความสะอาดภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสสาธารณะภายในสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า2019​ (โควิด-19)อย่างต่อเนื่อง