รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า...วันวิสาขบูชา...อยากให้เป็นวันที่ทุกคนในสังคมใช้เวลาสักช่วงหนึ่งลองทบทวนว่า ตลอดสามวันที่ผ่านมาเราได้ใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมหรือไม่ มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อหรือแพร่เชื้อโดยเราอาจไม่รู้ตัวไปบ้างหรือไม่ สติ...เป็นเรื่องสำคัญ หากรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในทุกขณะ ย่อมจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ได้ใช้ปัญญา ความรู้ ประเมินและวิเคราะห์ว่า ณ เวลานั้นอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรเสี่ยง อะไรไม่เสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยกว่า ไม่อยากเห็นการเบียดเสียด ตะลุยแย่งซื้อเหล้าเบียร์ไปดื่ม หรือไปขาย แบบที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ให้ทุกคนได้ทราบในช่วงที่ผ่านมา การซื้อ การขาย การดื่ม คงห้ามกันได้ลำบาก แต่หากแต่ละคนมีสติ ก็น่าจะสามารถเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ หากคนขายจัดระเบียบการขาย คิดไว้ก่อนว่าอาจเกิดการแย่งกันชุลมุน ก็จะตระเตรียมกำลังคนและรูปแบบการขายที่ดีได้ และหากคนซื้อมีสติ ย่อมจะต้องเลือกปฏิบัติที่แตกต่างไปในอนาคต สถานการณ์รถไฟฟ้าแออัดก็เช่นกัน... ช่วงเวลานี้เป็นเวลาพิสูจน์ฝีมือและจิตใจของคนไทย...ว่าเราจะจะยอมให้โรค COVID-19 มันกลับมาระบาดระลอกสองหรือไม่ มากน้อยเพียงใด จะเอาแบบไต้หวัน ที่คุมโรคอยู่ ด้วยความพร้อมเพรียง มีระเบียบวินัย และทำให้เกิดความปลอดภัยของทุกชีวิตในสังคม หรือจะเอาแบบสิงคโปร์เกือบ 15,000 หรือญี่ปุ่นที่ 18,000 กว่า ระบาดกันมาก คุมระลอกสองยังไม่ได้ ถ้าคาดไม่ผิด อีกประมาณไม่เกิน 5 วันนี้ ตัวเลขติดเชื้ออาจจะค่อยๆ สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 กราฟการระบาดของไทยจะแตะเส้น 5% โดยเป็นผลจากความพยายามเคร่งครัดของพวกเราตั้งแต่ 19 มีนาคมจนถึง 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถ้าคุมอยู่ กราฟระบาดก็จะไหลไปตามแนวราบเหมือนไต้หวัน ถ้าคุมไม่อยู่ กราฟระบาดของเราก็จะเชิดหน้าแบบ exponential แบบสิงคโปร์และญี่ปุ่น โดยเราจะเห็นชัดตอนปลายเดือนนี้ครับ ตราบใดที่ยังไม่มียารักษา และวัคซีนป้องกัน...โรคก็จะกลับมาระบาดหนักได้เสมอ หากไม่ปรับตัวให้เป็น New Normal = New "Me" Thorlund K และคณะได้สรุปภาพรวมงานวิจัยยารักษาโรค COVID-19 ตีพิมพ์ใน The Lancet เมื่อ 24 April 2020 นี้เอง จะเห็นได้ว่า มีการวิจัยมากมายที่เร่งดำเนินการกันอยู่ ทั้งแบบแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนจีน คงต้องใช้เวลานานอีกหลายต่อหลายเดือน กว่าจะเห็นผลทยอยออกมาให้ดู ส่วนวัคซีนนั้น ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อคำโม้ของใครต่อใครที่แจ้งว่าจะได้ในไม่กี่เดือนนี้ เพราะคนที่เล่นเรื่องวัคซีนย่อมทราบกันดีว่า ต่อให้เร่งเพียงใด ก็ต้องมีกระบวนการต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความปลอดภัย และสรรพคุณ ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดที่จะคาดหวังเห็นผลวิจัยเรื่องวัคซีนได้นั้นน่าจะอีกยาวอย่างน้อย 1 ปี ตอนนี้จึงหวังเพียงว่า เราคนไทยทุกคนจะช่วยกันปฏิบัติตัว มีสติ ใช้ปัญญาไตร่ตรอง ก่อนตัดสินใจทำการใดๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #StayHome #ทำงานที่บ้านเยอะๆหากเป็นไปได้ #ออกจากบ้านยามจำเป็น #ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่น #โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน #NewNormal_NewMe อ้างอิง Thorlund K et al. A real-time dashboard of clinical trials for COVID-19. The Lancet. 24 April 2020.