วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส.,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท.,พ.ต.ท.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 ได้จับกุมตัว นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 610/2563 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวถึงพฤติการณ์กล่าวคือวันที่ 24 เมษายน 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงขายหน้ากากอนามัย เข้าร้องเรียน ศปอส.ตร. จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้เสียหายได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย ที่ผ่านการโฆษณาขายหน้ากากอนามัยในเพจสาธารณะต่างๆ ได้แก่ "ซื้อ-ขาย(อุปกรณ์วัดไข้ดิจิตอล+อุปกรณ์การแพทย์) ทุกชนิด , ซื้อ-ขาย หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ 3M 1860 8210 , ซื้อขายหน้ากากอนามัยพร้อมส่ง ไวรัสโคโรน่า,  ซื้อขายหน้ากากอนามัย thailand surgical mask, ซื้อขายหน้ากาก Mask ทุกชนิด , Mask Market ซื้อขายอุปกรณ์การแพทย์+แมส+หน้ากากอนามัย+N95, หน้ากากอนามัย ไม่บางเกรดโรงพยาบาล มีไม่เยอะ" โดยใช้เฟสบุ๊คชื่อบัญชี ดังนี้ Phongphan Anamwong ,Phongphan, Chom Domon ,Domon ข้าวสารคัดชัวแน่นอน,พ่อลูกอ่อน Shop ,Did Did,สู้เพื่อ วันพรุ่งนี้ , ซื่อกินไม่หมด คตอยู่ไม่นาน จากนี้ ไปจนนิรันด์ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวน (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ สน.ห้วยขวาง สืบสวนสอบสวน ทราบว่า นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ได้ใช้บัญชีเฟสบุค ใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย ใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ N95 1870 พลัส ในราคาชิ้นละ 140 บาท/กล่องละ 2,800 บาท จำนวน 4 กล่องละ 20 ชิ้น เมื่อมีประชาชนผู้สนใจสั่งซื้อชำระเงินแล้วกลับไม่ได้สินค้า เมื่อมีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวนแล้ว ได้แจ้งว่าถูก นายพงพันธ์ฯ หลอกลวงขายหน้ากากอนามัยจากบัญชีเฟสบุคใด นายพงษ์พันธ์ฯ จะปิดและเลิกใช้บัญชีเฟสบุ๊คนั้น แล้วสร้างบัญชีใหม่ มาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัย โดยใช้วิธีหลอกลวงแบบเดิม เรื่อย ๆ จากการตรวจสอบ พบว่า มีผู้เสียหาย ที่ถูกนายพงษ์พันธ์ฯ หลอกลวงกว่า 40 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 500,000 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียหายกว่า 20 ราย เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ และมีความจำเป็นในการใช้หน้ากากอนามัยไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับนายพงษ์พันธ์ฯ แล้ว จำนวน 15 ราย ที่เหลือ อยู่ระหว่างประสานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับเลขที่ 610/2563 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 สามารถติดตามจับกุม นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ได้บริเวณหน้า Belle Grand พระราม 9 ซอย พระราม 9 ซอย 3 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขว้าง กรุงเทพฯ ชั้นจับกุม ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา กฎหมายที่เกี่ยวข้องความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น" ระวางโทษ "จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี  ปรับตั้งแต่ 10,000 บาท – 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา  (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้  (5) เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ถูกหลอกลวงโดยผู้ใช้บัญชีเฟสบุคดังกล่าว หรือถูกหลอกลวงขายหน้ากากนามัยออนไลน์ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง  ตามสั่งการ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19 ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่วงโอกาส จำหน่ายหน้ากากอนามัยออนไลน์ผ่านทาง Facebook โดยมีพฤติการณ์ที่ขายราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือหลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน โดยกรณีหลอกลวงทางออนไลน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานการปฏิบัติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้มีการประสานการทำงานด้วยกันมาโดยตลอด สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุมตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี