"เฉลิมชัย" แจงเงินเยียวยาโควิด ก.คลัง จ่ายเกษตรกรงวดแรก โอนเข้าบัญชีธ.ก.ส. กลางเดือนพ.ค.นี้ ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แนะตรวจสอบรายชื่อยืนยันสิทธิ์ในชุมชนที่ตั้งแปลงเพาะปลูก เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 เมษายน เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรับผิดชอบโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและครอบครัวไม่เกิน 10 ล้านราย โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรง 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ทั้งนี้เกษตรกรที่จะได้รับการช่วยเหลือมีทั้งผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมหม่อนไหม การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลของกระทรวงอุตสาหกรรม และการยาสูบแห่งประเทศไทยของกระทรวงการคลัง ขณะนี้ทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการคลังกำลังเร่งดำเนินการ โดยคาดว่า กลุ่มที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและมีบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกในกลางเดือนพฤษภาคม ส่วนเกษตรกรที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนหรือรายชื่อตกหล่นนั้น ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์และชี้แจงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรเข้าใจ รวมทั้งดำเนินการภายในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งหากตรวจสอบความถูกต้องและไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนแล้ว คาดว่า กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ได้โดยเร็วเช่นกัน นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ห่วงใยทั้งเกษตรกรและประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 จึงสั่งให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ดูแลห่วงโซ่การผลิตอาหารทั้งระบบจนถึงมือผู้บริโภค จัดระบบการรวบรวมผลผลิต กระจายผลผลิต ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตการเกษตรได้ ส่วนประชาชนสามารถหาชื้ออาหารและสินค้าเกษตรได้โดยไม่ขาดตลาด นอกจากนี้ในนามกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยและสมาคมชาวปักษ์ใต้จะจัดทำถุงยังชีพ อาหารพร้อมรับประทาน และสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดือดร้อนทุกวันเสาร์อาทิตย์เวลา 16.00 น. ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก เขนทวีวัฒนาไปตลอดจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2562 และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2563 แล้ว 6.3 ล้านครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2563) ขอให้ไปตรวจสอบรายชื่อที่ติดประกาศภายในชุมชน (ตามที่ตั้งแปลงปลูก) ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 หากมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มนี้ ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ อีก โดยจะเป็นรายชื่อเกษตรกรชุดแรกที่จะส่งไปให้กระทรวงการคลังคัดกรองเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกร จากนั้นขอให้รอผลคัดกรองตรวจสอบสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น กลุ่มที่ 2 เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ก่อนปี 2562 และยังทำการเกษตรอยู่ 1.7 ล้านครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2563) ขอให้ไปตรวจสอบรายชื่อที่ติดประกาศภายในชุมชน (ตามที่ตั้งแปลงปลูก) หากพบว่ามีชื่ออยู่ในกลุ่มนี้ ขอให้ไปปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับผู้นำชุมชน หรือ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม และกลุ่มที่ 3 เกษตรกรรายใหม่ซึ่งยังไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกร หลังจากที่ปลูกพืชแล้ว 15 วัน ให้มาติดต่อขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับผู้นำชุมชน หรือ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก ภายในวันที่ 15 พฤษภาคมเช่นกัน โดยรายชื่อเกษตรกรกลุ่มที่ 2 และ 3 จะเป็นชุดที่ 2 ซึ่งจะส่งให้กระทรวงการคลังคัดกรองเพื่อไม่ให้ซ้ำกับโครงการเราไม่ทิ้งกันเพื่อรับเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารธ.ก.ส. ต่อไปโดยเร็วที่สุด อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรรายใหม่ ภายหลังจากเกษตรกรทำการปลูกพืชแล้ว 15 วัน และมาขอขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตามหลักเกณฑ์ของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยกรอกแบบฟอร์ม ทบก.01 พร้อมแนบหลักฐานที่กำหนด ส่งให้ผู้นำชุมชน หรือ อกม. รวบรวมส่งสำนักงานเกษตรอำเภอแล้ว เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการบันทึกข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล ติดประกาศในชุมชน 3 วัน หรือตรวจสอบพื้นที่จริง หรือจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลต่อไป ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย สามารถโทรสอบถามได้ก่อน ที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูกเพื่อเลี่ยงการเดินทาง เป็นการลดความเสี่ยงในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19