“สสว.”ยกระดับเอสเอ็มอีผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนา SME ด้วยระบบบัญชีเดียว หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าระบบ ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพที่ปรึกษาด้านภาษี 100 ราย ยกระดับมาตรฐานการทำภาษีเอสเอ็มอีรวม 3 พันราย ต่อยอดเข้าถึงแหล่งเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 64 ล้านบาท ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ SME เข้าถึงโอกาสความช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐ และสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้น้อย ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่นอกระบบและมีระบบการจัดการบัญชีที่ไม่ได้มาตรฐาน ขาดความน่าเชื่อถือ โดยจากข้อมูลของ สสว. ณ สิ้นปี 2560 พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกมีกว่า 3,046,793 ราย สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ นิติบุคคล 675,633 ราย หรือ 22.18% วิสาหกิจชุมชน 85,429 ราย หรือ 2.80% และบุคคล/อื่นๆ 2,285,731 ราย หรือ 75.02% ทั้งนี้จากสถิติข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่ามี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพียง 22.18% เท่านั้นที่เป็นนิติบุคคล มีการจัดทำบัญชีของธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นภาครัฐจึงมีนโยบายส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถนำข้อมูลทางบัญชีการเงินมาใช้ในการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แสดงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสถูกต้องน่าเชื่อถือ ทั้งนี้การดำเนินงานได้รวมถึงการผลักดันให้ ผู้ประกอบการรายย่อยหรือที่เป็นบุคคลธรรมดา มีการจัดทำบัญชีหรือจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมากขึ้น โดยลดอัตราการหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40 (5)-(8) เหลือเพียง 60% หรือการให้มีการทำบัญชีชุดเดียวในการยื่นขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน เป็นต้น โดย สสว.ได้เร่งส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนา SME ด้วยระบบบัญชีเดียว ผ่านรูปแบบการอบรมและสร้างองค์ความรู้ด้านบัญชีให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นบุคคลธรรมดาและที่เป็นนิติบุคลแต่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องบัญชีเพียงพอ รวมถึงการพัฒนาผู้ให้บริการด้านบัญชีและที่ปรึกษาภาษี (Service Provider) ขนาดเล็ก ให้สามารถปรับปรุงพัฒนาความรู้ด้านบัญชีให้ทันสมัยทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อไปได้ สำหรับผู้ประกอบการที่มีการทำบัญชีที่ถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน จะทำให้กิจการได้รับความเชื่อถือจากคู่ค้า เจ้าหนี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ประกอบการเองในหลายๆด้านได้แก่ การเพิ่มโอกาสด้านการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ลดต้นทุนทางการเงิน ไม่ต้องกังวลในเรื่องการลงบัญชีที่ไม่ถูกต้องทำให้ถูกตรวจสอบจากภาครัฐ รวมถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากภาครัฐ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก “โครงการส่งเสริมและพัฒนา SME ด้วยระบบบัญชีเดียวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ไทย ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านบัญชี และสามารถนำเทคโนโลยีทางบัญชีจัดทำเป็นรายงานทางบัญชีที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้ในการวางแผนและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีอากรที่ถูกต้อง เรียนรู้วิธีการที่จะนำข้อมูลทางบัญชีมาคำนวณภาษี การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างถูกต้อง และสร้างจิตสำนึกในการใช้ระบบบัญชีเดียวให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างสมรรถนะของผู้ให้บริการด้านบัญชีและที่ปรึกษาภาษี (Service Provider) ให้มีประสิทธิภาพ มีความพร้อมและสามารถให้บริการผู้ประกอบการมากขึ้น” โดยการดำเนินโครงการฯ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการจำนวนกว่า 3 พันรายเข้าร่วมโครงการและมีผู้ให้บริการด้านบัญชีและที่ปรึกษาภาษี (Service Provider)จำนวน 100 กิจการ มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยคาดหวังว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้ด้านบัญชีมาวางแผนเกิดเป็นแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถจัดทำแผนการเงินเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่ต่ำกว่า 64 ล้านบาท