สสส. - กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลุยใช้กลไก อสต. ให้ความรู้แรงงานข้ามชาติ จ.สมุทรสาคร ต่อเนื่อง ถึงไม่มีแรงงานติดโควิด-19 แม้แต่รายเดียว ชี้ส่วนใหญ่มีกำลังใจดี ไม่วิตกกังวล พญ.ขจีรัตน์ ปรักเอโก ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. สนับสนุนการดำเนินงานโครงการตำบลจัดการสุขภาพเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) มีพื้นที่ทำงาน 152 ตำบลทั่วประเทศ ผลักดันอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1 ล้านคน ทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้เกิดชุมชนสร้างสุขทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และรายได้ แต่ในช่วงระบาดโควิด-19 ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานตามสถานการณ์ จนเกิดเป็นกิจกรรม “อสม.เคาะประตูบ้าน ต้านโควิด-19”เช่นเดียวกับพื้นที่ของจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีแรงงานข้ามชาติประมาณ 200,000-300,000 คน (เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน) เป็นชาวเมียนมามากที่สุด รองลงมาคือลาว และกัมพูชา จึงเกิดการใช้กลไกของอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) เข้าไปให้ความรู้กับประชากรกลุ่มนี้เกี่ยวกับการดูแลป้องกันตัวเองจากโควิด-19 โดยใช้สื่อที่ สสส. ผลิตร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องโควิด-19 กับกลุ่มประชากรข้ามชาติ 3 ภาษา ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาที่ยังอาศัยอยู่ในไทย "ต้องขอชื่นชมไปยัง อสต. ที่ปฏิบัติหน้าที่ออกให้ความรู้อย่างเข้มแข็งเป็นประจำต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดก็มีวิสัยทัศน์ที่ดีมากในเรื่องนี้ ส่งผลให้มีนโยบายปฏิบัติที่ชัดเจน โดยปัจจุบันจังหวัดสมุทรสาครยังไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นแรงงานข้ามชาติแม้แต่รายเดียว” พญ.ขจีรัตน์ กล่าว นายกิตติ เรืองวิไลพร พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ และครูฝึก อสต. กล่าวว่า ปัจจุบัน อสต. มีสมาชิกประมาณ 400-500 คน (จากทั้งหมด 3,090 คนในระยะ 10 ปี) กระจายใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง บ้านแพ้ว และกระทุ่มแบน มีที่มาจากการคัดเลือกของผู้ประกอบการ และการชักชวนกันมาอบรม ในช่วงเวลาปกติ อสต. จะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแรงงานข้ามชาติ เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในชุมชน แต่ในช่วงระบาดโควิด-19 ได้นำรถโมบายล์ออกไปให้ความรู้แก่พี่น้องแรงงานข้ามชาติตามชุมชนต่างๆ ที่มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม โดยนำสื่อการดูแลตัวเองหลายภาษาของ สสส. กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย ไปประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มเป้าหมายรับทราบ เพื่อแก้ไขปัญหาการรับข้อมูลข่าวสารน้อยกว่าคนไทย อันเนื่องมาจากข้อจำกัดทางด้านภาษา “หลังจากให้ความรู้กับกลุ่มแรงงานไปพบว่าหลายครอบครัวรู้จักใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยขึ้น มีระยะห่างทางสังคมมากขึ้น ส่วนการใส่หน้ากากผ้านั้นทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะต้องทำงานในโรงงาน หรือเป็นแรงงานประมงต่อเนื่อง มีติดบ้านกันคนละ 3-4 ชิ้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคหาซื้อ ขณะที่สภาพจิตใจพบว่า ส่วนใหญ่มีกำลังใจที่ดี ไม่เกิดความเครียดในการทำงาน และมีจำนวนน้อยมากที่เดินทางกลับบ้านเกิด ซึ่งเชื่อกันว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น รัฐบาลสามารถรับมืออยู่” นายกิตติ กล่าว