นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Fuangrabil Narisroj ระบุว่า...บทความนี้ผมได้ข้อมูลมาจากเพื่อนผม Dr.Vitoon Viriyasakultorn ซึ่งเป็น ผอ.ศูนย์ Rotary Peace Center ซึ่งตั้งอยู่ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องมีอยู่ว่า มี นศ. ชาวเคนยา คนนึงชื่อ Solomon ได้มาเข้าเรียหลักสูตรชื่อ Professional Development Certificate in Peace and Conflict Studies กับทางศูนย์เป็นระยะเวลาประมาณ 12 สัปดาห์ โดยมี นศ.มาจากทั่วโลก นศ.จากประเทศต่างๆ มาอยู่จุฬาได้ 3 เดือน ก็ประจวบเหมาะกับ Covid เริ่มระบาดทั่วโลก ทางศูนย์ฯ จึงจำเป็นต้องรีบส่งทุกคนกลับประเทศตัวเองก่อนกำหนด ซึ่งรวมถึง Solomon นศ.จากเคนยาคนนี้เช่นกัน Solomon นศ.เคนยาคนนี้รู้ว่าเมื่อกลับถึงเคนยา รัฐบาลของเขาจะต้องกักตัว 14 วันแต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากเขาฐานะยากจนไม่มีเงินพอ ทาง Dr.Vitoon เลยออกเงินส่วนตัวให้เขาไป 200$ แถมเจลล้างมือขวดใหญ่ให้เขาเอาไว้ใช้ที่นั่นด้วย (นี่แหละน้ำใจคนไทย) Solomon ได้ส่งอีเมล์เล่าให้ Dr.Vitoon ฟังว่า เมื่อเขากลับถึง เคนยา ทุกคนต้องโดนกักกันตัว State Quarantine 14 วัน แต่ที่เคนยา ทุกคนต้องจ่ายเงินเองถึงจะได้นอนโรงแรม ตกวันละประมาณ 60-70 US$ ถ้าไม่มีเงินก็จะถูกเอาไปกักรวมเป็นร้อยๆคนที่ศูนย์ซึ่งทางรัฐจัดให้ ซึ่ง Solomon ก็ถูกเอาไปกักรวมกับคนอื่นอีก 300 กว่าคนโดยต้องแชร์ห้องน้ำเพียงไม่กี่ห้อง ตอนนี้ Solomon ออกจากที่กักกันแล้ว และเขาได้นำประสบการณ์ที่เขาประทับใจจากมาตรการต่างๆที่รัฐบาลไทย และคนไทยร่วมกันป้องกันรักษาตัวเองจากไวรัส Covid เอาไปรณรงค์ช่วยคนจนในชุมชนแออัดต่างๆ ของเคนยา ทาง Dr.Vitoon พอทราบเรื่องก็สงสารจึงได้โอนเงินเพิ่มไปให้ Solomon อีกคิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,000 บาท ให้เขาเป็นทุนช่วยในการรณรงค์ช่วยชาวเคนยา นศ.ต่างประเทศทุกคนที่เป็นลูกศิษย์ Dr.Vitoon รักและประทับใจคนไทย และเมืองไทยมาก ดังรายละเอียดปรากฏตามอีเมล์ที่นำมาให้อ่านกันครับ น่าเสียดายที่คนไทยบางคนได้แต่ด่า วิจารณ์บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองต่างๆนานา ถ้าพวกเขาได้ลองไปมีประสบการณ์ในต่างประเทศช่วงนี้ เขาจะรู้เองว่าไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่ากับประเทศไทยอีกแล้ว