เมื่อวันที่ 1 พ.ค.63 พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ(ผบก.รน.)เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้(30 เม.ย.)ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ชยพล โตโส สว.กก.3 บก.รน.หน.ชุดเรือปฏิบัติการอำพราง ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมประมง ออกตรวจการณ์ทางทะเลในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ระหว่างนั้นได้รับแจ้งว่า มีเรือประมงไม่ทราบสัญชาติ ลักลอบเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย จึงนำเรือ ศ.นรินทร์ และเรือตรวจประมงทะเล 110 ออกตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย ต่อมาก็พบเรือประมง 2 ลำ กำลังทำประมงอยู่บริเวณห่างจากปากร่องน้ำบางนราไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 60 ไมล์ทะเล จึงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นเรือประมง ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ หมายเลขเรือ PAF 4094 และ KNF 7820 มีลูกเรือประมงเป็นชาวเวียดนามรวม 22 คน พร้อมอุปกรณ์ทำการประมงและสัตว์น้ำ จึงคุมเรือและลูกเรือกลับเข้าฝั่ง ที่ จ.นราธิวาส และตรวจคัดกรองโรคตามมาตรการเฝ้าระวังและสกัดกั้นไวรัสโควิด-19 หลังจากการตรวจสอบพบว่า ลูกเรือดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558,พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการทำประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 จึงคุมตัวนำส่ง สภ.นราธิวาส ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต เผยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเมษายนที่ผ่านมา บก.รน.ได้จับกุมเรือประมงต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง ซึ่งไม่นานมานี้ ตำรวจน้ำนราธิวาส สามารถจับกุมเรือประมงเถื่อนสัญชาติเวียดนามพร้อมลูกเรือ 11 คน ทั้งนี้เนื่องจากกรมประมงได้ประกาศห้ามจับสัตว์น้ำในห้วงฤดูปลาวางไข่ ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำในทะเลมีปริมาณมากขึ้น เรือประมงต่างชาติ จึงลักลอบเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจน้ำร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศต่อไป