หลังจากที่ "รัฐบาลเนเธอร์แลนด์" มีคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมใดๆ จนถึง 1 ก.ย.นี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด–19 ส่งผลให้กิจกรรมต่างๆในประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงการแข่งขันฟุตบอล ไม่สามารถจัดขึ้นได้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 ก.ย. หมายความว่าลีกทุกระดับภายในประเทศจำเป็นที่จะต้องโดนตัดจบไป ซึ่ง“เอเรดิวิซี” ลีกสูงสุดของประเทศ ก็ออกแถลงการณ์หลังคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ยืนยันว่าพวกเขาก็ต้องการที่จะยกเลิกเกมลีกฤดูกาลนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ “สหพันธ์ฟุตบอลเนเธอร์แลนด์” หรือ เคเอ็นวีบี ปรึกษาเรื่องดังกล่าวกับ “สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป” หรือ ยูฟ่า ก่อนจะทำการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ องค์กรลูกหนังยุโรป เพิ่งออกมาระบุว่าพวกเขาจะเปิดโอกาสให้ลีกของแต่ละชาติสามารถตัดจบได้เป็นกรณีพิเศษ แต่ต้องมาหารือถึงเหตุผลเป็นกรณีไป แต่ยังยืนยันว่าเป้าหมายแรกคือการให้ทุกลีกกลับมาแข่งขันจนจบซีซั่น ภายหลังแถลงการณ์ยืดมาตรการ “ล็อคดาวน์” อดีตปีกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ "มาร์ก โอเวอร์มาร์ส" ซึ่งปัจจุบันรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ "อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม" ยักษ์ใหญ่แห่งศึกเอเรดิวิซี ออกโรงกระตุ้นให้สหพันธ์ฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ สั่งยกเลิกเกมลีกซีซั่นนี้ได้แล้ว "อย่าทำเหมือน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เห็นเรื่องเศรษฐกิจสำคัญกว่าวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แม้องค์กรลูกหนังแดนกังหันลม จะยืนยันว่าพวกเขาพร้อมจะปฏิบัติตามมติของ ยูฟ่า ที่ต้องการให้ลีกยุโรปกลับมาเตะกันให้จบฤดูกาลภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หลังเจอพิษเชื้อไวรัสโควิด-19 จนต้องเลื่อนยาวถ้วนหน้า" อดีตปีกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ลีกมันตายไปแล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือชีวิตคน แต่ตอนนี้เงินมันกลับสำคัญกว่าชีวิตคนไปได้อย่างไร “ผมหวังว่า เคเอ็นวีบี จะตัดสินใจอย่างเป็นเอกเทศ แต่ตอนนี้พวกเขากลับหลบอยู่หลัง ยูฟ่า มันเป็นสิ่งที่ผมเข้าใจได้ยาก เราอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นลีกที่ไม่ได้มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหาศาลเหมือนลีก สเปน อังกฤษ อิตาลี หรือเยอรมนี ผมมองว่าพวกเขาโดน ยูฟ่า กดดันให้แข่งให้จบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากยก เคเอ็นวีบี กับ ยูฟ่า ไปเปรียบกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เมื่อสัปดาห์ก่อนยังคิดว่าเศรษฐกิจสำคัญกว่าเรื่องของโควิด-19 อยู่เลย แต่ตอนนี้ในเนเธอร์แลนด์ มันมีคนตายเพราะโควิด-19เป็นร้อยในทุก ๆ วัน” ผอ.ด้านเทคนิคของอาแจ๊กซ์ กล่าว ล่าสุด "สหพันธ์ฟุตบอลดัตช์" หรือ เคเอ็นวีบี ก็ออกแถลงการณ์ตามมาติดๆ ว่า การแข่งขันฟุตบอลในลีก"เอเรดิวิซี" ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ ฤดูกาล 2019-20 และ"จูปิเลอร์ลีก" หรือ ดิวิชั่น 2 จะเป็น “โมฆะ” ไม่มีทีมคว้าแชมป์ ไม่มีทีมตกชั้น และไม่มีทีมเลื่อนชั้น หลังจากรัฐบาลประกาศยืดเวลาการ "ล็อกดาวน์" ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มากออกไปจนถึงวันที่ 1 ก.ย.สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ด้วยกรอบเวลาดังกล่าว ไม่สามารถจัดโปรแกรมแข่งขันฤดูกาล 2019-20 ให้ครบถ้วนได้ โดยสถานการณ์ก่อนหยุดเตะทีม "อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม" นำเป็นจ่าฝูง มี 56 แต้ม จาก 25 นัด แต่มีแต้มเท่ากับ"อาแซด อัล์คมาร์" แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า และเหลือเกมเตะอีก 9 นัด อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีทีมแชมป์ แต่ จะยึดตามอันดับในตารางก่อนโมฆะ ทำให้"อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม" และ" อาแซด อัล์คมาร์" จะได้สิทธิไปเล่นถ้วย “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบแบ่งกลุ่ม ในฐานะตัวแทนลีกดัตช์ โดยจะรอการรับรองจาก ยูฟ่า อีกครั้ง จากแถลงการณ์ของ "สหพันธ์ฟุตบอลดัตช์" ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายตามมามากมาย เนื่องจากทีมดังแห่งลีกแดนกังหันลมไม่ยอมง่ายๆ ที่ลีกถูกสั่งตัดจบไปแบบดื้อๆโดยเฉพาะทีม"เอฟซี อูเทรคท์" สโมสรชั้นนำแห่งศึกเอเรดิวิซี ซึ่งยังมีลุ้นโควตา “ยูโรปาลีก” รับไม่ได้กับคำสั่งดังกล่าวของสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากการสั่งยุติการแข่งขันจะทำให้ "เฟเยนูร์ด" ร่วมทั้ง"วิลเล่ม ทเว" และ"พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน" คว้าตั๋วไปเล่น ยูโรปาลีก ในซีซั่น 2020-21 ไปแบบอัตโนมัติ ทั้งๆที่เหลืออีก 9 นัด โดยทางสโมสรเตรียมดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และส่งเรื่องฟ้องไปยังศาลกีฬาโลกและสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ด้วย ขณะที่ขยับลงมาที่โซนท้ายตารางของเอเรดิวิซีลีก อย่างทีม "ดีโอ เดน ฮาก" กับ "อาร์เคซี วาลไวค์" ซึ่งเป็นทีมรองบ๊วยกับทีมบ๊วย รอดตกชั้นอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะทีมที่โชคร้ายที่สุด อย่าง "คัมบูร์" จ่าฝูงใน"จูปิเลอร์ลีก" หรือ ดิวิชั่น 2 ซึ่งมีแต้มทิ้งห่าง "อาร์เคซี วาลไวค์" ทีมอันดับ 2 ถึง 11 แต้ม เพราะเมื่อไม่มีทีมตกชั้น ทำให้ คัมบูร์ และอาร์เคซี วาลไวค์ ต้องอกหักในการเลื่อนสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า งานนี้ "เฮงก์ เดอ ยอห์น" กุนซือของทีมคัมบูร์ ได้ออกมาโวยวาย ว่า การตัดสินใจดังกล่าวของสหพันธ์ฟุตบอลดัตช์ เป็นเรื่องเสื่อมเสียที่สุดในวงการลูกหนังดัตช์ อย่างไรก็ตามทาง สหพันธ์ฟุตบอลดัตช์ ก็ยอมรับว่า เมื่อการตัดสินให้ เอเรดิวิซี และจูปิเลอร์ลีก เป็นโมฆะ หรือจะเลือกบทสรุปแบบไหน ก็จะต้องมีผลกระทบ หรือความไม่พอใจทางใดทางหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก็ต้องตัดสินใจแบบนี้โดยยึดเอาสุขภาพและความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งลีกเมื่อปี 1956 เอเรดิวิซีไม่เคยจบฤดูกาลโดยไม่สามารถตัดสินแชมป์ได้เลย ส่วนเรื่องไม่ให้ทีมดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นมาก็เพื่อเลี่ยงปัญหาเรื่องโปรแกรมแข่งขันฤดูกาลหน้า โดยก่อนจะมาถึงข้อสรุปนี้ ได้ให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดลงคะแนนเสียงแล้วว่าจะเลือกแบบไหน ปรากฏว่าไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เคเอ็นวีบีจึงต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง "เราตระหนักถึงสถานการณ์และมุมมองที่แตกต่าง และการ ตัดสินใจครั้งนี้จะไม่ทำร้ายใครในทางใดทางหนึ่ง" สมาคมฟุตบอลดัตช์ แถลง