สร้างความสั่นสะท้านไปทั้ง “กรุงเปียงยาง” เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ถิ่นโสมแดง จากอาการตื่นตะหนกของผู้คนกันไปทั่ว สำหรับ ปรากฎการณ์ประชาชนชาวโสมแดง ในกรุงเปียงยาง พากันตบเท้าแห่เข้าจับจ่ายซื้อสิ่งของ โดยเฉพาะอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านรวงต่างๆ อย่างมิได้นัดหมาย จนบรรดาสินค้าต่างๆ หายวับแบบแทบจะเกลี้ยงชั้น หมดแผง กันเลยทีเดียว ที่มา ที่ไป อันทำให้ประชาชาวเกาหลีเหนือ เกิดอาการตื่นตระหนก ก่อนบันดาลเป็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็มาจาก 3 ประการของเหตุปัจจัยพาให้เป็นไป ผ่านกระบวนการโหมกระพือพัดในช่องทางข่าวสารต่างๆ เริ่มจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังลุกลามไปอย่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยที่ในเกาหลีเหนือ ถิ่นโสมแดง ก็ยังเป็นที่คลางแคลงใจ เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า ในเกาหลีเหนือนั้น ปลอดเชื้อไวรัสโควิดฯ จริงหล่ะหรือ? แต่ที่แน่ๆ เพราะความหวาดกลัวของเชื้อไวรัสร้าย ก็ได้กลายทำให้ชาวโสมแดง พากันแห่ซื้อตุนสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารการกินเพื่อการยังชีพเอาไว้ก่อน ทั้งนี้ ในประเด็นเรื่องการรับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหมู่ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ ต้องถือว่า ไม่ได้รวดเร็ว เพราะถูกปิดกั้น หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีเสรีภาพรับข้อมูลข่าวสารรวมถึงยังมีปัญหาเรื่องทางเทคนิค หรือระบบสื่อสารโทรคมนาคม ในเกาหลีเหนือ เหตุปัจจัยประการต่อมา ก็คือ กระแสข่าวที่แพร่สะพัดในกรุงเปียงยางว่า ทางการเกาหลีเหนือของประธานสูงสุด “คิม จอง-อึน” จะเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการนำเข้าสินค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ไม่จำเป็น แต่ปรากฏว่า ได้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่ประชาชนว่า ความเข้มงวดจะรวมถึงสินค้าอื่นๆ ทั้งหมดด้วย และจะส่งผลให้ปริมาณสินค้าไม่เพียงพอต่อการซื้อหาบริโภค และสินค้าก็จะมีราคาแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย เพราะสินค้าถูกนำเข้ามาจำหน่ายได้ยากขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นเอง จึงพากันแห่ไปซื้อสินค้าต่างๆ มากักตุนกันไว้ก่อนที่จะหาซื้อยาก เมื่อตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาถึง ณ เวลานี้ ปัจจัยประการสุดท้าย แต่ได้กลายเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด จนจุดชนวนทำให้ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ พากันเข้าซื้อสินค้าเพื่อมากักตุนอย่างเป็นประวัติการณ์ นั่นก็คือ กระแสข่าวลือที่ว่า ประธานสูงสุดของเกาหลีเหนือ คือ นายคิม จอง-อึน ป่วยหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดจากอาการหลอดเลือดหัวใจ และหลังผ่าตัดอาการก็ยังวิกฤติ รวมถึงกระแสข่าวลือที่ว่า ประธานสูงสุดได้ตายไปแล้วจากอาการป่วยหนักดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนชาวโสมแดง แห่ซื้อสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าอาหาร จนสินค้าไม่เหลือชั้นวางจำหน่าย ทั่วกรุงเปียงยาง ทั้งนี้ การกักตุนสินค้า ยังลุกลามไปยังเมืองต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเปียงยาง เช่น ที่เมืองฮัมฮึง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยกระแสข่าวลือว่า ประธานคิมฯ ป่วยหนัก ก็เริ่มมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในไทยเราแล้ว คือ ประมาณ 12 – 13 เม.ย. หลังการปรากฏโฉมของเขาครั้งสุดท้ายในการประชุมคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. กระทั่ง ในวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ประธานคิมฯ ก็ไม่เห็นแม้เงา ถึงแม้ว่าเป็นงานเฉลิมฉลองรำลึกวันคล้ายวันเกิดของ “คิม อิล-ซุง” ปู่ของเขา และเป็นผู้สถาปนาเกาหลีเหนือ ภายใต้ระบอบสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ ข่าวลือก็ยิ่งกลายเป็นกระแสกระพือโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสื่อมวลชนที่จัดทำขึ้นโดยชาวเกาหลีเหนือผ้แปรพักตร์ ซึ่งได้พำนักอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ อย่าง “เดลีเอ็นเค (Daily NK)” เป็นต้น สร้างความตื่นตระหนกว่า หากประธานคิมฯ สิ้นชีพไปจริงๆ อาจทำให้เกาหลีเหนือ ต้องอยู่ในสภาพวุ่นวาย ข้าวยากหมากแพงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ แทบจะบุกห้างร้านจำหน่ายสินค้าทั่วกรุงเปียงยาง กว้านซื้อกันแบบสินค้าหายวับเพียงชั่วกระพริบตา หายไม่หายเปล่า แถมราคาสินค้าก็ยังทะยานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกต่างหากด้วย ยกตัวอย่าง น้ำมันถั่วเหลือง จากเดิมเคยขายในราคาถ้าเปรียบเทียบเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ปริมาณน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ขายราคา 6 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 195 บาท) แต่ ณ เวลานี้ ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 14 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 455 บาท) ราคาทะยานเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว สำหรับ กระแสข่าวลือที่ว่าประธานคิมฯ เสียชีวิตข้างต้น ถึง ณ ชั่วโมงนี้ มีรายงานออกมาแล้วว่า ไม่ได้วิกฤติหนัก แถมยังสบาย โดยเขายังพำนักอยู่ที่สถานตากอากาศเขตว็อนซัน และมีรายงานว่า อาจปรากฏโฉมให้โลกได้เห็นกันในเร็วๆ นี้