บล.โกลเบล็ก ประเมินตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อ มองกรอบดัชนีแกว่งตัวในระดับ 1,250-1,285 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน ดักทาง 10 หุ้นเด่น ได้ประโยชน์หาก COVID-19 คลี่คลาย ชู AOT–MINT–ERW–CENTEL–TOP– SPRC–PTTGC–KCE–HANA-DELTA ส่วนราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้มองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่ 1,680-1,750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,620-26,800 บาทต่อบาททองคำ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนจึง โดยมองกรอบดัชนี เคลื่อนไหวในระดับ 1,250-1,285 จุด แม้จะได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯบังคับใช้มาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสCOVID-19 วงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์ และธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งการเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ เพื่อรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ในบางพื้นที่อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ อิตาลี รวมทั้งประเทศไทย
ทั้งนี้ล่าสุดทาง ศบค.ได้พิจารณาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน ในส่วนของมาตรการผ่อนปรนการล็อกดาวน์ต่างๆนั้นจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นหลัก โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.นี้
ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ดักลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลาย โดยทยอยสะสมกลุ่มท่องเที่ยว ชู AOT,MINT,ERW และ CENTEL หากโควิด-19 ดีขึ้น น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทย รองลงมาได้แก่หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่น TOP,SPRC และ PTTGC จากผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/2563 ประกอบกับไม่มีผลขาดทุนจาก Stock Loss และสุดท้ายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE,HANA และ DELTA ซึ่งกลับมาเร่งผลิตสินค้าเพื่อเติม หลัง Stock สินค้าที่ลดลงอย่างมาก หลังจากหยุดผลิตในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนราคาทองคำประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้น37 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาทองคำผันผวนสูงในช่วงนี้ เนื่องจากผลตอบแทนของทองคำในปี 2563 สูงถึง 11% ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ให้ผลตอบแทนติดลบ จึงเป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามทองคำยังได้แรงหนุนจากการซื้อของกองทุน SPDR ที่มีสถานะซื้อสุทธิ 18.7 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งพื้นฐานในระยะกลางยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศอัดฉีด QE ไม่จำกัดส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้มองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่ 1,680-1,750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,620-26,800 บาทต่อบาททองคำ
ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ดักลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลาย โดยทยอยสะสมกลุ่มท่องเที่ยว ชู AOT,MINT,ERW และ CENTEL หากโควิด-19 ดีขึ้น น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทย รองลงมาได้แก่หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่น TOP,SPRC และ PTTGC จากผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/2563 ประกอบกับไม่มีผลขาดทุนจาก Stock Loss และสุดท้ายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE,HANA และ DELTA ซึ่งกลับมาเร่งผลิตสินค้าเพื่อเติม หลัง Stock สินค้าที่ลดลงอย่างมาก หลังจากหยุดผลิตในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนราคาทองคำประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้น37 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาทองคำผันผวนสูงในช่วงนี้ เนื่องจากผลตอบแทนของทองคำในปี 2563 สูงถึง 11% ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ให้ผลตอบแทนติดลบ จึงเป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามทองคำยังได้แรงหนุนจากการซื้อของกองทุน SPDR ที่มีสถานะซื้อสุทธิ 18.7 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งพื้นฐานในระยะกลางยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศอัดฉีด QE ไม่จำกัดส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้มองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่ 1,680-1,750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,620-26,800 บาทต่อบาททองคำ