“พลังธรรมใหม่” ยื่น 4 เหตุผล ร้องอัยการสูงสุดอุทธรณ์คดี “โอ๊ค” ฟอกเงินกรุงไทย เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ มอบหมายให้นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ และนายเจษฎา ศรีสุข ทนายความและผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส. (นพ.ระวี มาศฉมาดล) เดินทางมายื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่ ถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ขอให้พิจารณาอุทธรณ์คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร ที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง อัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำความเห็นแย้งให้อุทธรณ์คดี โดยหนังสือมีสาระสำคัญสรุปว่า พรรคพลังธรรมใหม่ขอเรียกร้องขอให้พนักงานอัยการได้ทบทวนยื่นอุทธรณ์คดี ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. กรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร ให้การว่าเงินจำนวน 10 ล้านบาทที่รับมาจากนายวิชัย ได้เปลี่ยนสภาพเงินที่ได้รับจากการทุจริต กลายเป็นได้จากการขายหุ้นและโอนมาหลายทอด จึงพ้นขั้นตอนของการฟอกเงิน และเปลี่ยนสภาพเป็นเงินดี เป็นความเข้าใจเอาเองของนายพานทองแท้ แต่เงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่นายวิชัยโอนให้แก่นายพานทองแท้แทนนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย เส้นทางการเงินและโอนเปลี่ยนมือมาหลายทอด เป็นส่วนหนึ่งของเงินที่นายวิชัยกับพวกได้รับมาจากธนาคารกรุงไทย จากการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า เงินจำนวน 10 ล้านบาท เป็นเงินที่มาจากความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 3 (4) (5) 2. เงินจำนวน 10 ล้านบาทที่นายพานทองแท้รับโอนมาจากนายวิชัย ไม่ใช่เป็นเงินที่นายพานทองแท้รับมาชำระหนี้แต่อย่างใด ขณะที่นายพานทองแท้ได้เคยเบิกความต่อศาลว่าไม่เคยร่วมประกอบธุรกิจใดกับนายวิชัย จึงไม่มีเหตุที่นายวิชัยจะต้องโอนเงินจำนวนมากให้แก่ตน แต่กลับเป็นนายพานทองแท้ได้รับโอนเงินดังกล่าว ซึ่งไม่มีหนี้ต้องชำระตามข้อตกลง และการรับโอนเงินโดยไม่มีมูลหนี้จำนวนสูง ย่อมเป็นการตอบแทนที่มิชอบด้วยกฎหมาย เป็นลักษณะเงินให้เปล่า หรือเป็นค่าตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่งที่รู้เฉพาะนายวิชัย นายรัชฎา และนายพานทองแท้ อีกทั้งนายพานทองแท้ยังได้เคยเบิกความรับว่า ได้เบิกถอนเงินจากบัญชีที่รับโอนมาไปใช้จ่าย หากจำต้องคืนเงิน 10 ล้านบาทแก่นายรัชฎาผู้โอนนั้น นายพานทองแท้มีเงินสำรองจำนวนอื่นสามารถโอนคืนได้ทันที จึงแสดงให้เห็นว่า เงิน 10 ล้านบาทที่ได้โอนรับมา ได้นำไประคนปนกันกับเงินของตนเองที่อยู่ในบัญชีอื่น และนำมาใช้จ่ายส่วนตัว จึงไม่รู้ว่าเงินใดเป็นเงินปกติ เงินใดเป็นเงินผิดกฎหมาย พฤติการณ์แห่งการกระทำของนายพานทองแท้ที่เบิกถอนเงินในลักษณะเป็นการใช้จ่ายส่วนตัวคราวละไม่มาก จึงไม่ใช่บัญชีธุรกิจที่จะใช้ในการลงทุนประกอบธุรกิจ ที่เบิกความว่าสามารถนำเงินจำนวนอื่นมาคืนเมื่อใดก็ได้ก็เป็นความผิดวิสัยของผู้ประกอบธุรกิจ และการประกอบธุรกิจปกติ พฤติการณ์จึงเป็นการรับโอน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การโอนซึ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำผิด นายพานทองแท้จึงรู้หรือควรรู้ว่าเงิน 10 ล้านบาทที่ได้รับมาจากนายวิชัย เป็นเงินส่วนหนึ่งของสินเชื่อธนาคารกรุงไทยที่อนุมัติให้เครือกฤษดามหานคร จึงเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 (1) (2) 3. ในคดีนี้ พนักงานอัยการได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต่อศาลเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 25 พ.ค. 2563 จึงมีความจำเป็นต้องรีบอุทธรณ์ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 นั้นในการอุทธรณ์คดีให้พนักงานอัยการอุทธรณ์คดีตามความเห็นของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปก่อน 4. ในคดีนี้มีองค์คณะผู้พิพากษา 2 ท่าน และมีความเห็นแย้งกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสมควรยกฟ้อง อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสมควรจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา จึงต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 184 วางหลักว่า ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้อธิบดีผู้พิพากษาข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้นหรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละท่าน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า “ดังนั้น พรรคพลังธรรมใหม่ขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร และดำเนินคดีจนถึงที่สุดตามกรอบของกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และให้ความกระจ่างกับสังคม พรรคพลังธรรมใหม่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พนักงานอัยการจะเร่งรัดดำเนินคดี ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป” หนังสือระบุทิ้งท้าย //////////