สาวใหญ่กินยาฆ่าหนูประชดหน้ากระทรวงการคลังหลังชวดเงินเยียวยา 5,000 บาท เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงกินยาพยายามฆ่าตัวตาย ที่หน้ากระทรวงการคลัง ถนนอารีย์สัมพันธุ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมรถกู้ชีพ รพ.พระมงกุฎฯ ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกำลังช่วยพยุงร่างผู้หญิง 1 ราย ใส่กางเกงขายาวสีดำ และเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายแดง-ดำ และมีน้ำลายฟูมปาก ทราบชื่อภายหลัง น.ส.อัญกาญจน์ บู๊ประเสริฐ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2007/91 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม.นอนหมดสติอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้ากระทรวงการคลัง ประตู 4 ใกล้ๆกันพบยาเม็ดสีชมพู ซึ่งเป็นยำกำจัดหนูในครัวเรือน และซองบรรจุ ยี่ห้ออาท แร็ท คิลเลอร์ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.พระมงกุฎฯ จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นได้นำส่งล้างท้องที่ รพ.พระมงกุฎ จนอาการพ้นขีดอันตราย จึงได้ส่งต่อไปที่ รพ.วัดหลวงพ่อทวีศักดิ์ เพื่อทำการรักษาตัวต่อไป จากการสอบถามนายชิน โสภิณ อายุ 60 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ อปพร.เขตพญาไท และขับวิน จยย.รับจ้างที่หน้ากระทรวงการคลัง เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้หญิงคนดังกล่าวเดินร้องไห้เข้าไปที่หน้ากระทรวงการคลัง และไปนั่งอยู่ที่พื้นด้านหน้า พร้อมพูดตะโกนว่า “ไม่มีใครสนใจกูเลย” จากนั้นก็เห็นล้วงยาออกจากกระเป๋ามา 1 กำและยัดใส่เข้าปาก แล้วยกขวดน้ำกินตามเข้าไป ที่แรกก็ไม่เห็นเป็นอะไร จากนั้นก็ได้ขับรถออกไปส่งผู้โดยสารประมาณ 10 นาที ก็ขับกลับเข้ามาก็เห็นมีคนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวกำลังช่วยพยุงผู้หญิงคนดังกล่าว ที่นอนอยู่ที่พื้นและมีน้ำลายฟูมปาก ตนจึงเข้าไปช่วยพร้อมกับเพื่อนในวิน จยย.พร้อมกับประสานให้รถกู้ชีพมาช่วยเหลือส่ง รพ. ทางด้าน นายศิริชัย ตามบุญ อายุ 39 ปี คนเก็บเงินร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นนายแดง ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเข้ามาช่วยเหลือเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เห็นผู้ก่อเหตุยืนร้องไห้อยู่ข้างในกระทรวงสักพัก ก็เดินออกมานั่งตรงที่เกิดเหตุ แล้วก็ล้วงยาออกมากินและนอนชักดิ้นชักงอและอ๊วกออกมาโดยที่ไม่มีใครสนใจ ตนพร้อมกับคนในร้านจึงวิ่งเข้าไปช่วยเหลือและกางร่มให้ เนื่องจากตอนนั้นมีฝนตกลงมา ระหว่างนั้นวิน จยย.รับจ้างก็เข้ามาช่วยและแจ้งรถพยาบาลมานำตัวส่ง รพ. “แต่ระหว่างที่เข้าไปช่วยเหลืออยู่นั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวยังพอมีสติอยู่และพูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องมาสนใจ ฉันยากตายตรงนี้”เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนมาสนใจเลย ส่วนสาเหตุคาดว่า น่าจะมาจากหญิงคนดังกล่าวได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 และมาเรียกร้องเรื่องเงินเยียวยา 5,000 บาท แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือก็เป็นได้”นายศิริชัย กล่าวต่อท้าย