วันที่ 23 เม.ย.63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้ประชุมรับฟังบรรยายสรุปจากนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานเทศบาลตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ ก่อนลงสำรวจพื้นที่ ณ แก้มลิงเขานิพันธ์ ตำบลเขานิพันธ์ ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเยี่ยมชมจุดสูบน้ำเหมืองแร่มงคล หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านส้อง อำเภอเวียงสระ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับราษฎรในพื้นที่ ก่อนเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ/จุดคัดกรอง รอยต่อระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับมอบเจลแอลกอฮอล์ และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจ/จุดคัดกรองอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 18 ราย หายกลับบ้าน 13 ราย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 5 ราย รอผลการตรวจ 3 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นวันที่ 13 โดยได้เตรียมสถานที่กักกันตัว (Local Quarantine) เพื่อรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยทางจังหวัดได้ใช้โรงแรมในเขตอำเภอเมืองสูราษฎร์ธานี อำเภอทำฉาง ไว้รองรับจำนวน 74 ห้อง และในพื้นที่เกาะสมุย อีกประมาณ 100 ห้อง มีการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จำนวน 96 เตียง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนับสนุนงบประมาณจัดหาเตียงผู้ป่วยและห้องแยกผู้ป่วยแพร่เชื้อ วงเงิน 4.84 ล้านบาท และจัดเตรียม Cohort Ward (พื้นที่รักษาผู้ป่วยจำนวนหลายรายภายในกลุ่มโรคเดียวกัน) จำนวน 217 เตียง ได้แก่ โรงพยาบาลพุนพิน โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ และโรงพยาบาลมะเร็ง นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่สำนักงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลในจังหวัด วงเงิน 82 ล้านบาท เช่น เครื่องให้ออกซิเจนแรงดันสูง ชุด Powered Air Purifying Respirator เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เครื่องมือส่องตรวจหลอดลม เครื่องติดตามการทำงานหัวใจ และเครื่องเทอร์โมสแคน เป็นต้น
ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้ง ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ภัยแล้ง แต่มีพื้นที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง(เสี่ยงน้อยมาก) จำนวน 19 อำเภอ 131 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน ด้านน้ำอุปโภคบริโภค มีพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ จำนวน 2 อำเภอ คือ อำเภอเกาะพะงัน และเกาะสมุย พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ จำนวน 12 อำเภอ อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ระดับจังหวัด อำเภอ ภายใต้แผนเผชิญเหตุภัยแล้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปี 2563 โดยใช้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เป็นตัวขับเคลื่อนระดมสรรพกำลัง ทรัพยากรในการบริหารจัดการ แบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็น 4 โซน มอบหมายหน่วยทหาร ตำรวจ พลเรือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ และสั่งการให้อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำในแต่ละหมู่บ้าน/ชุมชน ด้วย.
สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 18 ราย หายกลับบ้าน 13 ราย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 5 ราย รอผลการตรวจ 3 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นวันที่ 13 โดยได้เตรียมสถานที่กักกันตัว (Local Quarantine) เพื่อรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยทางจังหวัดได้ใช้โรงแรมในเขตอำเภอเมืองสูราษฎร์ธานี อำเภอทำฉาง ไว้รองรับจำนวน 74 ห้อง และในพื้นที่เกาะสมุย อีกประมาณ 100 ห้อง มีการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จำนวน 96 เตียง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนับสนุนงบประมาณจัดหาเตียงผู้ป่วยและห้องแยกผู้ป่วยแพร่เชื้อ วงเงิน 4.84 ล้านบาท และจัดเตรียม Cohort Ward (พื้นที่รักษาผู้ป่วยจำนวนหลายรายภายในกลุ่มโรคเดียวกัน) จำนวน 217 เตียง ได้แก่ โรงพยาบาลพุนพิน โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ และโรงพยาบาลมะเร็ง นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่สำนักงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลในจังหวัด วงเงิน 82 ล้านบาท เช่น เครื่องให้ออกซิเจนแรงดันสูง ชุด Powered Air Purifying Respirator เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เครื่องมือส่องตรวจหลอดลม เครื่องติดตามการทำงานหัวใจ และเครื่องเทอร์โมสแคน เป็นต้น
ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้ง ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ภัยแล้ง แต่มีพื้นที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง(เสี่ยงน้อยมาก) จำนวน 19 อำเภอ 131 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน ด้านน้ำอุปโภคบริโภค มีพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ จำนวน 2 อำเภอ คือ อำเภอเกาะพะงัน และเกาะสมุย พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ จำนวน 12 อำเภอ อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ระดับจังหวัด อำเภอ ภายใต้แผนเผชิญเหตุภัยแล้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปี 2563 โดยใช้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เป็นตัวขับเคลื่อนระดมสรรพกำลัง ทรัพยากรในการบริหารจัดการ แบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็น 4 โซน มอบหมายหน่วยทหาร ตำรวจ พลเรือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ และสั่งการให้อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำในแต่ละหมู่บ้าน/ชุมชน ด้วย.