เมื่อ 23 เม.ย. 63 เวลา 09.30 น. พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4/โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ตามที่กองทัพภาคที่ 4 ได้ชี้แจงเหตุผลในการลงทัณฑ์กำลังพลพร้อมกำชับดูแลครอบครัว กวดขันวินัยและตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รายละเอียดดังที่ทราบแล้วนั้น ในการนี้ คณะกรรมการของกองทัพภาคที่ 4 ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งประกอบด้วย ผู้ถูกสั่งลงทัณฑ์ ผู้บังคับบัญชาโดยตรง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ด่านตรวจในวันเกิดเหตุ พยานบุคคลและพยานแวดล้อมอื่นๆ อย่างรอบด้าน สามารถสรุปได้ว่าถึงแม้พฤติกรรมและการแสดงออกของ จ่าสิบเอกพีระศักดิ์ จำปา จะเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร ฐานใช้กิริยาวาจาไม่สมควรและไม่ปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเหนือตน ที่ได้สั่งการให้ทหารทุกคนปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ประพฤติและปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ตามที่ได้ออกประกาศไว้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามนโยบายรัฐบาลและส่วนราชการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะได้รับการลงทัณฑ์สถานหนัก อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องไปดูแลมารดาซึ่งป่วยหนัก และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษและ จ่าสิบเอก พีระศักดิ์ ได้สำนึกผิดว่าได้กระทำผิดวินัยทหารจริง ประกอบกับที่ผ่านมาได้เป็นผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทเสียสละ ส่งผลดีต่อทางราชการและไม่เคยกระทำความผิดวินัยร้ายแรงมาก่อน จึงเป็นเหตุอันควรปรานี สมควรลงทัณฑ์ จำขัง มีกำหนด 7 วัน ตั้งแต่ 17 - 23 เม.ย. 63 ณ เรือนจำ มทบ.43 ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช การทบทวนการสั่งลงทัณฑ์ในครั้งนี้ไม่ใช่กระแสสังคมมากำหนด แต่เป็นไปตามขั้นตอนของการปกครองบังคับบัญชาตามลำดับชั้นของหน่วยทหาร ที่จะต้องดำเนินการอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับกำลังพลทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ เพราะวินัยทหารใช้บังคับกับกำลังพลทุกระดับ โดยไม่มีข้อยกเว้น สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นผู้บังคับบัญชาได้ใช้ดุลยพินิจอย่างเหมาะสมแล้วว่ามีเหตุผลสมควรต่อการลดโทษ สำหรับการดูแลมารดาที่เจ็บป่วย ยังคงให้ทีมแพทย์ของหน่วยทหารเข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการรักษาพยาบาลตามห้วงเวลาให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ กวดขันวินัยกำลังพล อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามมาตรการ นโยบาย ระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ส่วนราชการและกองทัพบก ในเรื่องการป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ