ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ร่วมประชุมผู้บริหารของกรมต่างๆ โดยการประชุมเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของทุกกรม อาทิ เรื่องกระท่อม ที่เวลานี้กฤษฎีกากำลังพิจารณาเรื่องงบประมาณของกระทรวง ที่ส่งกลับไปช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหาไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19, เรือนนอนสองชั้นและมาตรการกักโรคในเรือนจำ, การจัดการแยกชั้นนักโทษเพื่อป้องกันการออกมาภายนอกและกระทำซ้ำ รวมถึงการลดวันต้องโทษและการพักโทษ เป็นต้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนพบปัญหาในการเดินหน้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด ในส่วนของการแบ่งเงินรางวัลนำจับ เพราะกฎหมายของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ไม่สามารถนำเงินที่อายัดจากเครือข่ายยาเสพติดมาแบ่งให้คนทำงานได้ ดังนั้นเราต้องหาทางแก้กฎหมายให้ครอบคลุมสอดคล้องในการทำงานร่วมกัน คนทำงานต้องมีขวัญกำลังใจ ทำงานง่าย ทั้งการขอข้อมูลในการตามตัวเครือข่าย หรือประสานงานต่างๆ ที่ผ่านมาผมเข้าใจว่า อายัดบัญชีธุรกรรมทางการเงิน แล้วนำเงินสินบนตรงนั้นมาแบ่งกันได้เลย แต่ขณะนี้มันทำไม่ได้ ต้องหาทางว่าต้องทำยังไง แต่เราจะไม่ยอมแพ้ลองศึกษาดูประวัติย้อนหลังว่า มันเคยแบ่งได้หรือไม่ได้ เราจะได้ดำเนินการถูกทาง หากจะแก้กฎหมายมันก็จำเป็น ภายหลังการประชุม ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจ เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ที่ถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้เดินทางมาขอบคุณ นายสมศักดิ์ และนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สนธิกำลังไปบุกจับสินค้าเหล่านี้ตามภารกิจ "ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ในสถานการณ์การแพร่เชื้อระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19" เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายของบริษัทเหล่านี้ มีมากถึง 45 ล้านบาท รมว.ยุติธรรม ระบุว่า จากนี้ก็ขอให้บริษัท สุรทิณฑ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด-บริษัทสบู่ผลไม้แอรี่จำกัด และบริษัทพีทูเอส คอสเมติกส์ ทำมาค้าขึ้นหลังจากประสบปัญหาการถูกลอกเลียนแบบสินค้า ซึ่งเสียหายกันหลายสิบล้าน ดังนั้นตนอยากฝากไปยังประชาชนที่เลือกซื้อสินค้าเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ ควรเลือกแต่ของดีที่ถูกต้องตามกฎหมายได้มาตรฐานที่รองรับ ตนดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ และทำให้ทุกคนในวันนี้ได้รับความยุติธรรม