ภาพในความทรงจำที่ประจักษ์ต่อสายตาของพสกนิกรชาวไทยอย่างชัดเจนต่อเนื่องมาโดยตลอดคือภาพการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคต่างๆแม้จะห่างไกลทุรกันดารสักเพียงใด และในทุกหนแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถจะโดยเสด็จเคียงข้างด้วยเสมอทรงมีพระวิริยะอุตสาหะมุ่งมั่น แม้จะต้องทรงตรากตรำพระวรกายเพื่อบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่อย่างจริงจังเพื่ออำนวยคุณประโยชน์แก่ชาติและอาณาประชาราษฎร์โดยมิได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความย่อท้อ ด้วยพระองค์ทรงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดั่งพระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๑๒สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒ความตอนหนึ่งว่า “...ทรงสั่งสอนข้าพเจ้าและลูกๆว่า เมื่อคนเขายกย่องนับถือให้เป็นประมุขมากเท่าไรก็ต้องรู้สึกว่าเราต้องทำงานให้หนักกว่าทุกคน ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ…นักข่าวต่างประเทศเคยถามว่า ที่ออกเยี่ยมเยียนราษฎรนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือ ซึ่งก็ตอบไปว่า เหนื่อยไม่ได้ เพราะบ้านเมืองของเรามีคนยากจนรอความช่วยเหลืออีกมากมายก่ายกอง…พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้ข้าพเจ้าดูแลเกี่ยวกับครอบครัว ความจริงแล้ว ตัวเองไม่มีหัวหรอกที่จะไปคิดสงเคราะห์สตรี แต่รับสั่งว่า ให้ดูแลครอบครัว ข้าพเจ้าก็เลยดูไปว่า จะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร..." ในเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทาน พระราชานุญาต ให้นายเดนิสเกรย์ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ วังไกลกังวล หัวหิน เพื่อขอพระราชทานสัมภาษณ์ และเขียนรายงานข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆและพระราชปณิธาน ที่ทรงช่วยเหลือราษฎร มีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถตอบข้อสงสัยของผู้คนที่เคยคิดว่า ในยุคสมัยที่การเดินทางไปต่างประเทศเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและเป็นที่นิยมกัน ความใน พระราชดำรัสตอบทรงยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "...ในเรื่องเกี่ยวกับพระราชภาระอันหนัก บางครั้งเมื่อฉันเกิดเหนื่อยขึ้นมา ฉันเคยคิดว่าน่าจะได้ไปพักผ่อน ณ สถานที่บางแห่ง เช่น ฮาวายสักระยะหนึ่ง แต่แล้วพระเจ้าอยู่หัวก็มักรับสั่งกับฉันว่า จะทอดทิ้งประชาชนไปจริงๆหรือ ในยามที่บ้านเมืองกำลังลำบากอยู่เช่นในขณะนี้ จะเห็นได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงมีความเสียสละมากกว่าฉัน พระองค์ท่านทรงเป็นดวงประทีปที่ให้ความสว่างแก่ฉันตลอดมา..." พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา และ การพัฒนาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพหลักของประชาชนชาวไทย คือ การเกษตรกรรม และการพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเกษตรและการดำรงชีวิต ดังที่ได้เคยรับสั่งว่า "น้ำคือชีวิต" ในขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนพระราชหฤทัยให้ความช่วยเหลือเรื่องครอบครัว การศึกษา สาธารณสุข อาชีพเสริม อย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องน้ำและสิ่งแวดล้อม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนับสนุนในเรื่องของป่า อันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะได้มาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติของน้ำ ทั้งสองพระองค์ทรงให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเช่นเดียวกัน พระราชดำริและพระราชกรณียกิจที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องนั้น แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าทรงมีความห่วงใยในทุกข์สุขและความเป็นอยู่ของพสกนิกร จากการพระราชทานความช่วยเหลือของพระองค์ได้สะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมถึงเป้าประสงค์เพื่อผลประโยชน์ของพสกนิกรอย่างแท้จริง ดั่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ได้พระราชทานกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ล้วนมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอาชีพของราษฎรให้ได้มาซึ่งรายได้ที่พอเพียงต่อการดำรงชีพ อีกทั้งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในขณะที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมุ่งเน้นไปที่การสาธารณสุข อาชีพเสริมหรืองานศิลปาชีพ การฟื้นฟูป่าและรักษาป่าต้นน้ำลำธาร รวมทั้งทรัพยากรชายฝั่งที่สร้างความสงบร่มเย็นให้แก่ราษฎรและการประกอบอาชีพได้อย่างสมบูรณ์ การพระราชทานความช่วยเหลือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากการที่ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือมาเป็นหนังสือ หรือที่เรียกกันว่า “ฎีกา” ทั้งสองพระองค์ยังคงทรงงานและพระราชทานความช่วยเหลืออย่างมิได้ขาด นับเป็นความโชคดีของปวงชนชาวไทยที่มีพระราชินี คู่บุญบารมีพระราชา อันเป็นที่รักและเทิดทูนยิ่งของพสกนิกรชาวไทยทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกร ทรงให้อย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยทรงมุ่งหวังให้ราษฎรได้รับความสุข มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงเพื่อสร้างสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงตลอดไป ข้อมูลสำนักงานกปร.