เวลา 10.30 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่ บก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท. พ.ต.ท.พงษ์ธร โปนกแก้ว สว.กก.2บก.ปอท. ว่าที่พ.ต.ต.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.2 บก.ปอท. และชุดปฏิบัติการสืบสวนกก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุมนายศตวรรษ ทิพย์อินเสน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 373/63 ลง 16 มี.ค.63 และนายบอย ทิพย์อินเสน อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 374/63 ลง 16 มี.ค.63 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” พร้อมของกลาง 7 รายการ ประกอบด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 8 เครื่อง, ไอแพด จำนวน 1 เครื่อง, แท็บเล็ต จำนวน 2 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง,บัญชีธนาคาร จำนวน 14 บัญชี, บัตร ATM จำนวน 9 ใบ และเสื้อยืดคอกลม จำนวน 1 ตัว โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 121 ม.2 ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และบ้านเลขที่ 9/6 ซ.ศาลาธรรมสพน์ 48 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า นายศตวรรษ ได้สร้างเว็บไซต์ หลอกขายอาวุธปืนออนไลน์โดยใช้ชื่อเว็บไซต์ ว่า “จำหน่ายอาวุธปืนมือหนึ่งและมือสอง.com” โดยหน้าเว็บไซต์มีลักษณะ ดูดี น่าเชื่อถือ เป็นที่น่าสนใจของประชาชนทั่วไป ซึ่งช่องทางติดต่อซื้อขาย ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่ระบุไว้หน้าเว็บไซต์ มีผู้เสียหายหลงเชื่อสั่งซื้ออาวุธปืน และได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนนายบอย มีหน้าที่ในการหาบัญชีธนาคาร เพื่อรับโอนเงินที่นายศตวรรษได้หลอกลวงผู้เสียหาย เมื่อได้เงินแล้วนายบอยจะทำหน้าที่ในการกดเงินแล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน ทั้งนี้พบบัญชีที่ใช้ในการกระทำผิด นับสิบบัญชี ค่าจ้างให้เปิดบัญชี บัญชีละ 3,000-4,000 บาท โดยทั้งสองคนได้เงินจากการหลอกลวงผู้เสียหายมานับล้านบาท โฆษกปอท. ได้ฝากเตือนประชาชนว่าไม่ควรสั่งซื้อของผิดกฎหมาย ในโลกออนไลน์ เพราะอาจจะตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย และการซื้ออาวุธปืนควรซื้อกับทางร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายในการขออนุญาต ทั้งนี้หากพบการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแส มายัง ปอท.ได้ทางช่องทาง https://tcsd.go.th/ สำหรับการ “ฉ้อโกงประชาชน” มีโทษ “จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่วนข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแกประชาชน” มีโทษ “จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(1)