14 จุดภาคเหนือยังโซนส้มฝุ่นเริ่มกระทบสุขภาพ ขณะจิตอาสาช่วยดับไฟป่าถูกไฟคลอกตั้งแต่กลางมี.ค.ที่ผ่านมา และยังต้องรักษาต่ออีก 2 เดือน ครอบครัวเดือดร้อนขอรับความช่วยเหลือ ชุมชนชาติพันธุ์เรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาไฟป่าอย่างยั่งยืน อย่ามองชาวบ้านเป็นแค่ต้นเหตุ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.63 กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ภาคเหนือ เวลา 06.00 น. พบเช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระหว่าง 16-73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยยังเกินเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (โซนสีส้ม) ใน 14 พื้นที่ สูงสุดอยู่ที่ ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 76 ไมโครกรัมฯ ตามด้วย ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน, ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน, ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา, ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน, ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่, ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ www.iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองมลพิษโดยรายงานแบบเรียลไทม์ วันที่ 20 เม.ย.63 เวลา 06.50 น. พบว่าเช้านี้เมืองเชียงใหม่อยู่ในลำดับ 3 ของโลก ค่าฝุ่นอยู่ที่ 157 US AQI GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รายงานเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2563 เวลา 13.29 น. ภาพถ่ายจากดาวเทียมระบบ MODIS ทั้งประเทศ ตรวจพบค่า PM 2.5 ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตากและสุโขทัย จากเหตุการณ์ไฟป่าในภาคเหนือ ซึ่งปีนี้คร่าชีวิตประชาชนจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าไปแล้ว 6 ชีวิต ขณะที่ยังคงมีผู้บาดเจ็บที่ยังต้องการได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งเพจ โพควา โปรดักชั่น ระบุ นายนายจะแด ราตรีวิมาน อายุ 50 ปีชาวบ้านบ้านอุมตาใต้ ต.แม่คะตวน อ.สบเม จ.แม่ฮ่องสอน อาสาดับไฟป่าถูกไฟคลอกรักษาตัวนับเดือน ตั้งแต่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา และยังต้องรักษาต่ออีกอย่างน้อย 2 เดือน อาการล่าสุดหลังผ่าตัด ไม่สามารถขยับขาได้ ครอบครัวใช้สิทธิบัตรทอง ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งครอบครัวมีลูกสาวและลูกชายรวม 5 คน ติดต่อบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี: นางสาวอรประภา ราตรีวิมาน (กำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เชียงใหม่) เลขที่บัญชี 549-252781-2ธนาคาร ไทยพานิชย์ (หมายเลขโทรศัพท์ 082-5520371) ด้านเพจมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ โพสต์เผยจดหมายเปิดผนึกจากขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ถึงนายกรัฐมนตรี โดยระบุ 1.ปัญหาหมอกควันจากไฟป่า หน่วยงานรัฐควรเรียนรู้ และสร้างความร่วมมือกับชุมชนมากกว่าที่จะมองเห็นชาวบ้านเป็นแค่ต้นเหตุ 2.สถานการณ์ไฟป่าและโรคระบาดโควิด ทำให้กลไกความร่วมมือแก้ปัญหาระหว่างรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรฯ และภาคประชาชนชะงักลง แต่มาตรการรัฐ เช่น การห้ามเผาของเชียงใหม่ ตั้งแต่ 10 ม.ค.-30 เม.ย.63 กระทบการทำไร่หมุนเวียนตามวิถีวัฒนธรรมคนพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองตามมติครม.ปี 53 โดยควรให้พิจารณาแผนการเผาให้ปรับตามความจำเป็นเพื่อให้ฤดูกาลผลิตสอดคล้องกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมชุมชน ทั้งให้ระดับนโยบายเร่งประชุมหาทางออกแก้ปัญหาที่ทำกินที่อาศัยและจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ขณะที่เรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติฯยุติกระบวนการแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ เพราะประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งในสถานการณ์โควที่ยังไม่ชัดเจน จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ รัฐบาลควรสนับสนุนให้ประชาชนมีความเข็มแข็งในการต่อสู้กับวิกฤติดังกล่าว ให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ภายใต้การจัดการทรัพยากรที่เป็นธรรมและให้ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง