วันนี้​(19เม.ย.2563)นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์​ ประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก​ ได้โพสต์บทความ​บนเพจเฟซบุ๊ค"บรรยง​ วิทยวีรศักดิ์"ว่า ที่สุดจากปรากฏการณ์โควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเรา ไม่เพียงเท่านั้น มันยังนำมาซึ่งความเป็นที่สุดของอีกหลายๆเรื่อง เรามาดูกันว่ามีเรื่อง”ที่สุด”อะไรบ้าง 1.เชื้อโรคเล็กที่สุด ใครจะไปเชื่อว่า สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดที่สร้างปรากฏการณ์สะเทือนโลกมากที่สุด กลับเป็นเชื้อโรคที่เล็กที่สุด เล็กจนนักวิทยาศาสตร์ไม่ถือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียงอนุภาคที่ประกอบด้วยโปรตีนซึ่งห่อหุ้มสารพันธุกรรมเอาไว้เท่านั้น มันไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยเกาะกินสิ่งมีชีวิตอื่นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ 2. ประเทศยิ่งใหญ่ที่สุดติดเชื้อมากที่สุด ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะนับในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง งบประมาณ การทหารหรืออันดับความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาดมากที่สุด (จากการจัดอันดับของ Global Health Security Index ) จะกลายมาเป็นประเทศที่ตายน้ำตื้น ผู้นำประเทศขาดภาวะผู้นำ ประชาชนเรียกร้องเสรีภาพมากเกินไป จนไม่นำพาต่อโรคระบาด นำไปสู่การเจ็บป่วยและล้มตายจำนวนมาก 3. ผู้นำที่มีวุฒิภาวะต่ำ ยะโสและเห็นแก่ตัวที่สุด เรื่องนี้จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นับเป็นโชคร้ายของประเทศสหรัฐที่ได้ผู้นำที่มีวุฒิภาวะต่ำและยโสที่สุด เมื่อเริ่มต้นที่มีโรคโควิดระบาดที่สหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้พูดว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาที่รับมือกับโรคนี้ล่าช้า ต่อมาก็พูดว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา นำไปสู่ความหละหลวมและการระบาดจนควบคุมไม่ได้ ทั้งยังได้ลงมือกระทำที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของเขามีความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ด้วยการสั่งให้แย่งชิงหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์การแพทย์ที่ประเทศเยอรมันและแคนาดาได้สั่งเอาไว้ (ที่กำลังจะนำส่งไปประเทศปลายทาง)ให้นำมาส่งที่สหรัฐ โดยไม่สนใจเรื่องกฏหมายระหว่างประเทศ ความเป็นสุภาพบุรุษหรือมนุษยธรรมใดๆทั้งสิ้น ที่น่าประหลาดใจก็คือ คนอเมริกันส่วนใหญ่ยังสนับสนุนเขาอยู่ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ใช้นโยบายหาเสียง “America First” หรือ “ประเทศอเมริกาต้องมาก่อน”มาโดยตลอด 4. กระทบเศรษฐกิจที่สุด เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า โรคระบาดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมากที่สุด การที่บริษัทขนาดใหญ่จำนวนมากต้องปิดกิจการไปชั่วคราว ไม่ว่า สายการบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้าหรือภัตตาคาร โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดดำเนินการได้เมื่อไร ส่งผลกระทบต่อจีดีพีของแต่ละประเทศ ถึงขั้นติดลบ นำความเสียหายไปสู่กิจการทั้งบริษัท บุคคลตลอดจนลูกจ้างและครอบครัวที่พึ่งพิง นับเป็นความสูญเสียที่สูงที่สุดเทียบเท่าภาวะสงครามเลยทีเดียว 5. ประเทศต้องพึ่งพาตนเองมากที่สุด โลกได้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์มาหลายทศวรรษ จนเหมือนกับว่าไม่มีพรมแดนระหว่างประเทศ เราจะเดินทางไปไหน สั่งสินค้าวัตถุดิบจากประเทศใด ล้วนทำได้ในพริบตา แต่โรคระบาดครั้งนี้ทำให้รู้ว่า บ้านคือที่พึ่งที่แน่นอนที่สุด มีอะไรให้กลับประเทศ ในภาวะโรคระบาดไม่ต่างอะไรกับภาวะสงคราม เราไม่สามารถคาดหวังสินค้าหรือหยูกยาจากต่างประเทศได้ เพราะเขาอาจปิดประเทศหรือเขาอาจจะระงับการส่งออกเมื่อไรก็ได้ เพื่อใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นกับคนในประเทศก่อน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จึงเป็นภาษิตที่ใช้เตือนใจได้ดีที่สุดในภาวะนี้ 6. คนอยู่บ้านมากที่สุด ไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะบังคับให้คนทั้งโลกอยู่ติดบ้านได้มากเท่าเหตุการณ์นี้ โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นคนรวยหรือคนจน ล้วนแต่ต้องอยู่กับบ้าน ยังไม่นับรวมบางประเทศที่มีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านในเวลากลางคืน และบางประเทศ อย่างมาเลเซียที่ไม่ให้เดินทางเกินกว่ารัศมี 10 กม. หรือประเทศฟิลิปปินส์ที่ประกาศว่าให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ยิงผู้ฝ่าฝืนได้ทันที ก็ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศในเอเชียจึงสามารถควบคุมโรคระบาดได้ดีกว่าประเทศทางยุโรปและอเมริกาที่ประชาชนมักอ้างเสรีภาพในการเดินทาง 7. ธรรมชาติฟื้นตัวดีที่สุด ไม่มีวิธีใดอีกแล้วที่จะทำให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวได้ดีเท่ากับการระบาดของโควิด-19 กิจกรรมที่ทำลายธรรมชาติแทบทุกอย่างหยุดสนิท โรงงานอุตสาหกรรมปิด เครื่องบินหยุดเดินทาง เรือท่องเที่ยวงดออกจากฝั่ง นักท่องเที่ยวหยุดเดินทางไปเหยียบย่ำธรรมชาติ จึงมีปรากฏการณ์ที่สัตว์ป่าหลายชนิดปรากฎตัวใกล้ตัวเมือง น้ำในแม่น้ำใสสะอาดขึ้น และอากาศปลอดโปร่งขึ้น 8. คนจนในเมืองเดือดร้อนที่สุด เวลาเรานึกถึงคนเดือนร้อน เรามักคิดว่าทุกคนได้รับผลกระทบเท่ากัน ไม่ว่าเจ้าของกิจการ นายจ้าง ลูกจ้างหรือพ่อค้าแม่ขาย แต่หากเราพิจารณาโดยละเอียด จะรู้ว่าคนเหล่านี้ยังพอมีเงินสำรองบางส่วน ไม่มากก็น้อย อาจจะพอมีเครดิตหยิบยืมมาได้ พอจะประทังชีวิตไปได้อีก 1-3 เดือน แต่สำหรับคนจนในตัวเมือง ที่หาเช้ากินค่ำ เขาไม่มีเงินเหลือติดบ้านเลย และเมื่อธุรกิจที่เขารับจ้างอยู่นั้นต้องปิดกิจการ เขาคือผู้ที่น่าเห็นใจมากที่สุด คนที่ยังมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดก็ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน อย่างน้อยไปเก็บผักเก็บหญ้ากินก็ยังพอประทังได้ แต่คนที่ไม่มีรากเหง้าอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่รู้ว่ามื้อต่อไปจะกินอะไร จึงนับเป็นคนที่น่าเห็นใจที่สุด 9. อาชีพที่มั่นคงที่สุด ใครจะไปคิดว่าอาชีพที่ครั้งหนึ่งถือว่ามีความมั่นคงที่สุด ไม่ว่า นักบิน แอร์โฮสเตส เจ้าของห้างสรรพสินค้า โรงแรม ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธุรกิจที่เคยเป็นเสือนอนกิน กลับถูกโควิด-19 โจมตีแบบตั้งตัวไม่ทัน จนมีคนออกมาให้คำแนะนำว่า โลกยุคใหม่มีรายได้ทางเดียวไม่พอ ต้องมีอาชีพสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินเสมอ 10. การวางแผนการเงินสำคัญที่สุด ผู้เขียนอยู่ในธุรกิจนี้ จะไม่เขียนถึงประเด็นนี้ก็กระไรอยู่ เคยมีผู้ให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนการเงินมากมาย ไม่ว่า ต้องมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 3-6 เดือน, ต้องกระจายการลงทุน และต้องไม่สร้างหนี้สูงเกินไปจนมีภาระผ่อนสูงเกินกว่า 35% ของรายได้ แต่ไม่ว่าจะแนะนำอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้ผู้อ่านซึมซาบหรือเข้าใจได้ เพราะสินค้าต่างๆหรือการลงทุน ล้วนล่อใจ จนทำให้มีเงินหมุนใช้จ่ายแค่เดือนชนเดือน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นสัจธรรมว่า สิ่งที่นักวางแผนการเงินพูดนั้น ถูกต้องที่สุด ยังมี”ที่สุด”อีกหลายเรื่อง ที่รอคุณแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อแตกยอดความคิดต่อๆกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ธรรมชาติยังคงเป็นสิ่งเร้นลับที่เผยข้อมูลความรู้ใหม่ๆให้เราไม่สิ้นสุด และอดคิดไม่ได้ว่า ปรากฎการณ์โควิด-19 เป็นการทักท้วงเล็กๆของธรรมชาติที่มีต่อการทำลายล้างของมนุษย์ เพราะหากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว ในสายตาของธรรมชาติ มนุษย์ก็คือไวรัสที่ระบาดหนักในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ทำลายธรรมชาติเสียย่อยยับ ว่าแต่ มนุษย์เราจะยอมรับไหมว่า เรานั่นแหละที่เป็นตัวทำลายล้างที่แท้จริง ! หมายเหตุ : เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่สังกัดอยู่