“เดนทัล”ระบุบริษัทย่อย “เดนทัลวิชั่น” เปิดฉากคว้างานขายชุดขายชุดเก้าอี้ทันตกรรม เครื่องเอกซเรย์ และเครื่องมือด้านทันตกรรมให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท มั่นใจพร้อมส่งมอบงานตามสัญญาภายใน 120 วัน เผยอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มอีกกว่า 100 ล้านบาท คาดรู้ผลภายในครึ่งหลังของปี 63 ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (D) กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจรในรูปแบบศูนย์ทันตกรรม คลินิกทันตกรรม รวมทั้งงานขายวัสดุ และอุปกรณ์ทันตกรรม เปิดเผยว่า บริษัท เดนทัลวิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (DVT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าทันตกรรมคุณภาพสูงจาก Brand ชั้นนำจากต่างประเทศให้แก่ทันตแพทย์,คลินิก,โรงพยาบาล,มหาวิทยาลัย และแลปทันตกรรม ได้เซ็นสัญญาขาย 1.ชุดโต๊ะปฏิบัติการทันตกรรมประดิษฐ์และทันตกรรมจัดฟัน พร้อมชุดเครื่องกรอ เครื่องดูดฝุ่น โคมไฟฟ้าและเก้าอี้ 2.เครื่องจำลองขากรรไกรเข้าสู่ระบบการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ 3.เครื่องกลึงชิ้นงานโลหะแบบเปียก และแบบแห้งทันตกรรมประดิษฐ์ 4.เครื่องถ่ายภาพรังสีเอกซ์แบบ 3 มิติ ให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่า 35.42 ล้านบาท ระยะเวลาการส่งมอบ 120 วัน “ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของ บริษัท เดนทัล วิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในการขยายฐานลูกค้าไปยังมหาวิทยาลัยภาครัฐ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และบริษัทอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท คาดรู้ผลประมูลงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D กล่าวอีกว่า แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากจำนวนคนไข้จากต่างประเทศที่ลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และมีผู้มาใช้บริการทันตกรรมที่เป็นคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการผลการดำเนินการของโรงพยาบาล ทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2563 และผลการดำเนินการของบริษัทย่อย ที่ดำเนินธุรกิจ ขายวัสดุ และอุปกรณ์ ทันตกรรม ให้กับภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันบริษัทบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทมั่นใจว่า แนวโน้มรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้สมมุติฐาน ภายในไตรมาส 3/63 คลินิกทันตกรรม ทุกสาขาของบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ ใกล้เคียงกับปกติ และคนไข้ต่างชาติ สามารถเดินทางมารับการรักษาทันตกรรมได้ในไตรมาส ที่ 4/63 ทั้งนี้ รพ. BIDH เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งแรกที่มีการรักษาเต็มรูปแบบของโรงพยาบาลทันตกรรม(ฟัน) โดยใช้งบประมาณลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง โดยปัจจุบัน D มีศูนย์ทันตกรรม BIDC 1 แห่ง คลินิกทันตกรรม BIDC 4 แห่งที่พารากอน,เอ็มควอเทียร์,ภูเก็ต,เชียงใหม่ คลินิกทันตกรรม Smile Signature 8 สาขา คลินิกทันตกรรมเดนทัล แพลนเน็ต เมเจอร์ รังสิต 1 แห่ง