“นายกฯ” เผยเงินเยียวยาโควิด “5พันบาท”ให้ได้แค่เดือนเดียว ส่วนที่เหลือต้องรอเงิน “พรก.กู้เงิน 1ล้านล.” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทว่า ตรงไหนยังไม่มีเงินสักบาท ตอนนี้กำลังเตรียมการในเรื่องนี้อยู่ต้องกู้ให้เป็นเม็ดเงินเพื่อที่จะเอามาเยียวยาได้ ก็กราบเรียนว่ายังไม่มีเลย มีแต่ตัวเลข หลายคนเอาตัวเลขนี้มาหารแบ่งกันไปเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของพ.ร.ก.ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นเรื่องของการบริหารระบบการเงินการคลังของท่าน เพื่อไม่ให้ระบบวุ่นวายสับสน และความไม่น่าเชื่อถือ ตลาดหุ้นไปกันหมด ซึ่งจะมายึดโยงกับธนาคารด้วย ก็ต้องเข้าใจซึ่งจะต้องดูทั้งหมด นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของพ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท จะมีขั้นตอนและรอประกาศใช้ ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ปลายเดือนเม.ย.หรือพ.ค.ในการใช้เงินตรงนี้ จะต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองโครงการ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ตามขั้นตอนพรก.กู้เงิน ซึ่งน่าจะใช้ได้และได้เงินประมาณเดือนพ.ค.หรือ มิ.ย. นี้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปว่า วันนี้เราใช้เงินรายจ่ายงบกลางปี 63 บางโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการก็จะเอางบคืนมาใช้ช่วงนี้ก่อน ซึ่งมีวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมในการเยียวยา 5,000 บาทได้แค่ 1 เดือน เดือนที่ 2 เดือน 3 ก็ต้องรอเงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นความยากง่ายของรัฐบาล เพราะเงินเหล่านี้เป็นภาระผูกพันกับรัฐบาลไปในวันข้างหน้า จะต้องหาเม็ดเงินมาชำระหนี้เขา ฉะนั้นการกู้เงินก็ทยอยกู้เป็นก้อนๆ ไม่ใช่เรามีเงินเป็น1ล้านล้านอยู่ในมือทั้งหมดคงไม่ใช่แบบนั้น หลายคนก็อาจจะเอาตัวเลขมาหารกันไปเลย แต่อย่าลืมว่าอย่างไรก็ไม่ทันเม.ย.นี้อยู่แล้ว ฉะนั้นวันนี้เราจ่ายได้แค่เดือนเดียวก่อน ในส่วนที่ขาดเหลือก็ได้ให้ตรวจสอบคัดกรอง ว่าขาดตรงไหน ตรงไหนที่ควรจะให้เพิ่ม หรือมีปัญหาที่ระบบตรวจสอบที่มีการคัดกรองออกไป ก็ต้องมาดู เพราะวันนี้สถานการณ์โควิด เป็นสถานการณ์สำคัญ “ผมยืนยันว่า ผมพยายามดูแลท่านอย่างเต็มที่ ตามขีดความสามารถที่รัฐมีอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนได้เข้าใจด้วย การที่สร้างความเข้าใจ หรือบิดเบือนในทางที่ผิด ผมว่าจะทำให้การทำงานมันยากขึ้นเรื่อยๆ กราบเรียนย้ำอีกครั้ง เรามีเม็ดที่จะดูแลให้ได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น ที่เหลือต้องรอพ.ร.ก.กู้เงินที่จะออกมา” นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันเราจะทำอย่างไร ที่จะมารองรับการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพต่างๆ ก่อนที่พ.ร.ก.กู้เงินมีผลบังคับใช้ เช่นอาชีพอิสระ ลูกจ้างชั่วคราว กิจการส่วนตัว ค้าขาย รวมถึงอาชีพอิสระที่เป็นไปตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ของประกันสังคม ซึ่งมีประมาณ 9 ล้านคน ทั้งนี้ในตอนแรกเรามีเม็ดเงินให้กับคน 3 ล้านคนเท่านั้น ไม่ได้เป็นโควต้า โดยนำเม็ดเงินมาคำนวณว่าสามารถจ่ายได้เท่าไหร่ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วสามารถจ่ายได้ 5,000 บาทต่อเดือนให้คน 3 ล้านคนเท่านั้น พอรับฟังปัญหาความเดือนร้อน ซึ่งปรากฎว่ามีคนเดือนร้อนในหลายกลุ่มรวมประมาณ 9 ล้านคน ก็ต้องไปดูว่าจะไปหาเงินตรงไหนมาให้ ทั้งนี้มีหลายคนกลัวที่จะไม่ได้ ซึ่งก็เป็นปัญหา ก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนไปโอนให้เหมือนกัน ก็คงต้องไปซักระยะหนึ่ง แต่ตนก็เข้าใจความเดือนร้อนของท่าน แต่ตนก็มีความเป็นห่วง เนื่องจากมีคนที่ลงทะเบียนไม่เป็นต้องไปจ้างเขา ก็มีคนไปหาประโยชน์จากคนที่ลำบากคิดค่าลงทะเบียน 1,000 บาท ซึ่งก็ต้องไปกู้ยืมเงิน แต่ปรากฎว่าคัดกรองแล้วไม่ได้ก็เท่ากับว่าเสียเงินไป 1,000 บาท ตนถือว่าคนที่มาแสวงประโยชนแบบนี้เป็นคนที่น่ารังเกียจ ทั้งนี้เมื่อวาน (14เม.ย.) ได้มีการจับกุมคนที่มีการปลอมใบแพทย์ คนเหล่านี้ตนไม่คิดว่าจะมีอยู่ในประเทศไทย แต่ก็ยังมีอีกเยอะ ฉะนั้นนายทุนเงินกู้ต่างๆ เมื่อรัฐบาลมีมาตรการอะไร ท่านก็ควรช่วยเราบ้าง ตนก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ท่านก็ต้องผ่อนสั้น ผ่อนยาวให้กับลูกหนี้ของท่านบ้าง เพราะเขาไม่มีเงินให้ท่านหรอก ท่านจะแสวงประโยชน์จากความทุกข์ทรมานแสนสาหัสของประชาชน ท่านจะมีความสุขหรือ นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขออย่าว่ากันไป กันมาเลย เพราะเงินจำนวนนี้สามารถที่จะให้แรงงานดำรงชีวิตอยู่ได้ อะไรที่เล็กน้อย ก็เข้าใจกันบ้าง เผยแพร่แบ่งปันกันบ้างรัฐบาลดูแลอยู่แล้ว