คลังทยอยโอนเงินเงินเยียวยา 5 พันบาทให้ผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติไปแล้วรวม 2.4 ล้านราย รวมมูลค่า 2.4 ล้านบาท และในวันที่ 15-17 เม.ย.นี้ เตรียมโอนเพิ่มให้อีก 8 แสนราย รวมเป็นเงิน 4 พันล้านบาท ส่วนกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์แต่ได้รับแจ้งการโอนเงินไม่สำเร็จจากเหตุผลบัญชีเงินฝากมีปัญหา สามารถแก้ไขได้โดยการขอผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชนผ่าน Mobile Banking หรือตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร เพื่อรอรับการโอนเงินเยียวยางวดเดือน เม.ย.อีกครั้งในวันที่ 22 หรือ 29 เม.ย. 63 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 15-17 เม.ย.63 จะเริ่มทยอยส่ง SMS และโอนเงินเยียวยาในรอบที่ 3 ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณ 8 แสนราย คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เผยเม็ดเงินช่วยเหลือเยียวยาถึงคนทำงานที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.63 และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 13-14 เม.ย.63 แล้วจำนวน 2.4 ล้านราย รวมเป็นเงินจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเร่งกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนกว่า 27 ล้านคนโดยเร็วที่สุด สำหรับกลุ่มผู้ได้รับสิทธิแต่ได้รับแจ้งว่าการโอนเงินไม่สำเร็จเนื่องจากบัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปี ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อที่ลงทะเบียน เลือกรับโอนเงินผ่านพร้อมเพย์แต่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ หรือเข้ามาแก้ไขข้อมูลบัญชีแล้ว แต่ใส่ข้อมูลไม่ถูกต้อง สามารถแก้ไขได้โดยการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชนผ่าน Mobile Banking หรือตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร เพื่อรอรับการโอนเงินเยียวยางวดเดือนเม.ย.อีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.63 หรือวันที่ 29 เม.ย.63 โดยกระทรวงการคลังรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนมาโดยตลอด และเตรียมเปิดกลไกการขอทบทวนสิทธิในวันที่ 20 เม.ย.63 ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com จึงขอย้ำว่าประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เพราะไม่ได้มีช่องทางการเปิดรับเอกสาร และเป็นการดำเนินการตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งต่อตัวผู้ประสงค์จะขอทบทวนสิทธิเองและต่อส่วนรวมของสังคมไทย ทั้งนี้การขอทบทวนสิทธิในระยะแรกจะเปิดกว้างสำหรับประชาชนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการตรวจสอบและคัดกรองก่อน และในระยะต่อไปจะขยายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้กดยกเลิกการลงทะเบียนโดยความเข้าใจผิดด้วย โดยกลไกการทบทวนสิทธิจะดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยการลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและความเดือดร้อนของผู้ลงทะเบียน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ เช่น คลังจังหวัด สรรพากรพื้นที่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เป็นต้น รวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ด้วย ซึ่งผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะยังได้รับเงินเยียวยาครบทั้ง 3 เดือน เนื่องจากการให้เงินเยียวยาจะใช้วันลงทะเบียนในการเริ่มนับสิทธิ์ “รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอและมีความตั้งใจที่จะดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ให้ครอบคลุมครบทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มต่อไป”