หากกล่าวในทางปฏิบัติ เชิงรูปแบบ ก็ต้องบอกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2020 (2020 United State Presidential Election) ได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ คือ เดโมแครต และรีพับลิกัน เกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งตัวแทนของพรรคที่จะเข้าไปชิงชัยในปลายปีนี้กันก็ตาม ทั้งนี้ เพราะได้ตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้งกันไปโดยปริยายแล้ว นั่นเอง นั่นคือ นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยบารัก โอบามา ในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งเปรียบได้กับผู้ท้าชิง กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในฐานะเจ้าของตำแหน่งแชมป์ เพราะเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยสมรภูมิของศึกเลือกตั้งเพื่อชิงทำเนียบขาว สหรัฐฯ ที่ปะทุระอุเดือดข้างต้น ก็มีขึ้นภายหลังจาก “นายเบอร์นี แซนเดอร์ส” วุฒิสมาชิก หรือสมาชิกสภาซีเนต แห่งรัฐเวอร์มอนต์ สังกัดพรรคเดโมแครต ได้ประกาศถอนตัว จากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งตัวแทนพรรคเดโมแครต ไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นเอง แม้ว่าการชิงชัยในศึกเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อเฟ้นหาตัวแทนพรรคของเดโมแครต ยังเหลืออีกหลายรัฐก็ตาม และแม้ว่ายังไม่มีผู้สมัครฯ ของเดโมแครตคนใด ได้ “คณะผู้เลือกตั้ง” หรือ “ดิลิเกต (Delegate)” จำนวน 1,991 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนดิลิเกตทั้งสิ้น 3,979 เสียง อันแสดงถึงชัยชนะได้เป็นตัวแทนพรรคฯ แต่ปรากฏว่า ทาง ส.ว.แซนเดอร์ส ก็ได้ขอโบกมืออำลาไปก่อนกำหนด ว่ากันในส่วนของจำนวนคะแนนของดิลิเกตที่สองผู้สมัครตัวเต็งของเดโมแครตสะสมไว้ ก็มีรายงานว่า นายไบเดน ได้สะสมจำนวนดิลิเกตไว้ที่ 1,217 เสียง ส่วนนายแซนเดอร์ มีดิลิเกตสะสมไว้ที่จำนวน 914 เสียง ยังเหลือการเลือกตั้งขั้นต้นทั้งในแบบไพรมารีและคอคัส รวมแล้วอีกหลายสิบรัฐด้วยกัน เช่น วิสคอนซิน นิวเจอร์ซีย์ ออริกอน จอร์เจีย อะแลสกา เนเบรสกา เคนทักกี ลุยเซียนา รวมถึงย่านดิสตริก ออฟ โคลัมเบีย หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า ดี.ซี. เป็นต้น มีดิลิเกตให้เก็บเกี่ยวอีกจำนวนไม่น้อย แต่ทว่า ส.ว.แห่งรัฐเวอร์มอนต์ ผู้นำในแนวคิดสังคมนิยม หรือพวกหัวเอียงซ้าย ในสหรัฐฯ ก็ถอยทัพ ประกาศถอนตัวพ้นสังเวียนการชิงชัย โดยนายแซนเดอร์ส วัย 78 ปี เปิดใจหลังการประกาศถอนตัว ในรายการ “เดอะ ลาสต์ โชว์ วิธ สตีเฟน โคลเบิร์ต (The Last Show with Stephen Colbert)” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส สหรัฐฯ ถึงเหตุผลของการถอนตัวด้วยว่า มีหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ประการแรก เพราะนายไบเดน ผู้สมัครคนสำคัญของเขานั้น มีคะแนนดิลิเกต นำหน้าเขาไปมากแล้ว จนยากที่ไล่ตามทัน เบียดแซง ประการต่อมา ก็คือ เพราะการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิด – 19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2018 ในสหรัฐฯ ทำให้การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในสถานการณ์ที่ตัวเขาเป็นรองนายไบเดนอย่างมากเช่นนี้ ทำได้โดยยาก และมีความจำกัด อย่างไรก็ตาม ส.ว.แซนเดอร์ส ก็บอกว่า จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้นายไบเดน เอาชนะประธานาธิบดีทรัมป์ ให้ได้ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.ปลายปีนี้ ทว่า ส.ว.แห่งรัฐเวอร์มอนต์ ก็ไม่ได้ตอบถึงรายละเอียดว่า จะสนับสนุนต่อนายไบเดนอย่างเต็มตัวหรือไม่ และอย่างไร โดยนายแซนเดอร์ส บอกแต่เพียงว่า กำลังหารือกับนายไบเดนและคณะหาเสียงอยู่ เท่านั้น โดยการประกาศถอนตัวของนายแซนเดอร์ส ก็ส่งผลให้กล่าวได้ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระเบิดศึกขึ้นแล้วในทางปฏิบัติ ระหว่างสองผู้สมัครของพรรคเดโมแครต คือ นายไบเดน กับนายทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน ท่ามกลางความคาดหมายว่า ประเด็นเรื่องการจัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 และผลกระทบในด้านต่างๆ จากโรคระบาด เช่น ระบบสาธารณสุข ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การว่างงานในอัตราสูง จะเป็นหัวข้อสำคัญของการรณรงค์หาเสียงของทั้งคู่ ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงคะแนนนิยมของผู้ชิงชัยทั้งสองแล้ว ก็ต้องบอกว่า นายไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้าเหนือกว่านายทรัมป์ ทุกสำนักโพลล์ มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วนายไบเดนมีคะแนนนิยมนำหน้านายทรัมป์อยู่ที่อัตราร้อยละ 49.7 ต่อร้อยละ 43.4 ซึ่งตามตัวเลขก็ต้องนับว่า ทิ้งห่างไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า ทางพลพรรคเดโมแครต อย่าเพิ่งด่วนตีปีกดีใจไป เพราะได้เกิดปรากฏการณ์กลุ่มผู้ที่ลงคะแนนให้นายแซนเดอร์ส จะไม่ให้การสนับสนุนต่อนายไบเดน และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนต้องมีมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็ทำให้นายไบเดน ไม่สามารถรณรงค์หาเสียงในบุคลิก “คุณลุงใจดี” โอบกอด ลูบหลัง ประชาชน ในเวลาลงพื้นที่หาเสียง จนสามารถสร้างคะแนนนิยมได้เป็นอย่างดีเหมือนเมื่อช่วงก่อนหน้า ใช่แต่เท่านั้น เมื่อว่าถึงคะแนนนิยมจากการสำรวจโพลล์ข้างต้น ก็เป็นเพียง “ป๊อปปูลาโหวต (Popular Vote)” เท่านั้น ส่วน “อิเล็กโทรัลโหวต (Electoral Vote)” นายไบเดน ยังอาจตามหลังนายทรัมป์ก็เป็นได้ เหมือนกับในสมัยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ระหว่างนายทรัมป์ กับนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งส่งผลให้ทางพรรคเดโมแครตต้องน้ำตาตกด้วยความช้ำใจกับผลเลือกตั้งกันมาแล้ว