"ไอเอ็มเอฟ"สั่งอนุมัติการเพิ่มเงินทุนฉุกเฉินเป็นสองเท่าเพื่อตอบสนองคำขอของกว่า 90 ประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำเศรษฐกิจโลกพัง ชี้ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนามีผลกระทบมากที่สุด พร้อมจี้ประเทศเจ้าหนี้ ให้พักหนี้กับประเทศที่กำลังประสบปัญหา เมื่อวันที่ 12 เม.ย.63 นางคริสติน่า จอร์เจียว่า กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกปรับลดลงอย่างรุนแรงที่สุด และมีแนวโน้มว่าจะเริ่มดีขึ้นได้ในปีหน้า โดยวิกฤตที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนามากที่สุด ซึ่งอาจหมายถึงต้องการเงินช่วยเหลือจากต่างชาติจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ โดยคำกล่าวของกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ มีขึ้นในระหว่างการเตรียมการประชุมระหว่างไอเอ็มเอฟกับธนาคารโลกที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งนางคริสติน่า กล่าวด้วยว่า เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ยังมีการคาดการณ์ว่าบรรดาประเทศสมาชิกมากกว่า 160 ประเทศ จาก 189 ประเทศ จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ในวันนี้ตัวเลขต่างๆ มีผลในทางตรงข้ามมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ต่างมีรายได้ติดลบ และเตือนว่าสถานการณ์ต่างๆอาจเลวร้ายลงได้อีก เนื่องจากโรคระบาดโจมตีทั้งประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน โดยประเทศในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา คือประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีระบบสุขภาพที่อ่อนแอกว่า และมีข้อจำกัดในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ นักลงทุนข้ามชาติมีการถอนทุนออกจากประเทศเหล่านั้นไปแล้วกว่า100,000ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าการไหลออกที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการเงินโลกถึงสามเท่า ทั้งนี้ ด้วยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงอย่างรวดเร็ว ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์ เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดและพยุงเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ทางคณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟ จึงอนุมัติการเพิ่มเงินทุนฉุกเฉินเป็นสองเท่าเพื่อตอบสนองคำขอของกว่า 90 ประเทศ และยังมีการพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้การสนับสนุนสภาพคล่องและการปล่อยสินเชื่อให้แก่ประเทศที่ยังมีหนี้สิน และเพื่อเป็นการช่วยเหลือประเทศที่ยากจนที่สุด ไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกได้เรียกร้องให้ประเทศเจ้าหนี้เช่น จีน และประเทศอื่นๆ พักหนี้ให้กับประเทศที่กำลังประสบปัญหา