นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมการเลื่อนเปิดภาคเรียนและรับมือการจัดการศึกษารูปแบบออนไลน์ ว่า ขณะนี้ตนเข้าใจดีว่าหลายฝ่ายมีความกังวลกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ที่ต้องมีการเลื่อนเปิดภาคเรียนและต้องหันมาจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์แทน ซึ่งตนขอย้ำว่าแม้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังไม่พ้นวิกฤต แต่เป้าหมายการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพของนักเรียน คือ สิ่งสำคัญที่สุด โดยโรงเรียนอาจหยุดเรียนได้แต่เด็กหยุดเรียนรู้ไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ ศธ.ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อประเมินความพร้อมและความต้องการของโรงเรียน ในแต่ละพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน ทั้งนี้การที่ ศธ.มีมติเดินหน้าจัดการศึกษาในรูปแบบออนไลน์และเลื่อนเปิดภาคเรียนนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐาน 6 ข้อ ได้แก่ 1.จัดการเรียนการสอนที่ต้องคำถึงความปลอดภัยสูงสุดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการเปิดภาคเรียนหมายถึง การเรียนที่โรงเรียนหรือการเรียนที่บ้าน ทั้งนี้การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผลการประเมินและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 2.บริการให้นักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ แม้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ 3.ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การเสนอขอช่องทีวีดิจิทัลจาก กสทช. ทั้งหมด 13 ช่อง เพื่อให้นักเรียนทุกระดับชั้นสามารถเรียนผ่าน DLTV ได้ ซึ่งประเด็นสำคัญจะยังไม่มีการลงทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ใดๆเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น 4. ตัดสินใจนโยบายต่าง ๆบนพื้นฐานของการสำรวจความต้องการจากนักเรียน ครู และโรงเรียน โดยให้การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยศธ.ขะสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ 5. ปรับปฏิทินการศึกษาของไทยให้เอื้อต่อการเรียนเพื่อรู้ของเด็กมากขึ้น รวมทั้งมีการปรับตารางเรียนตามความเหมาะสม และ 6. บุคลากรทางการศึกษาทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และทำให้ทุกคนได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด”รมว.ศธ.กล่าว