สำนักข่าวต่างประเทศและเว็บไซต์เดลี่เมล รายงาน นางคริสเตียนา กอร์เกียว่า กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนเมื่อ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ด้วยความวิตกกังวลถึงวิกฤติเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดใหญ่ทั่วโลก ‘ไม่เหมือนกับวิกฤติครั้งไหนๆ’ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จนเข้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่เคยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ที่เริ่มเกิดในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป เมื่อปี ค.ศ.1929 หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและขยายวงไปยังนานาประเทศทั่วโลก ผอ.ไอเอ็มเอฟ ยังกล่าวถึงวิกฤติที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดว่า เป็นการทดสอบมวลมนุษยชาติของเรา และชี้ว่าวิกฤติคราวนี้จะไม่เหมือนวิกฤติครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา เพราะการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมและเศรษฐกิจในนานาประเทศทั่วโลก ในระดับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเท่าที่จำความได้ โดยเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังเป็นสาเหตุให้เราต้องสูญเสียชีวิตผู้คนจำนวนมากที่ติดเชื้อ และมาตรการล็อกดาวน์ที่จำเป็นต่อการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกเป็นพันๆ ล้านคน นางกอร์เกียว่า ผู้อำนวยการใหญ่ไอเอ็มเอฟ ยังกล่าวด้วยว่า ทุกๆ คนต่างเจ็บตัวกับวิกฤติครั้งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาติสมาชิกไอเอ็มเอฟ 189 ประเทศที่จะมาร่วมประชุมสุดยอดในสัปดาห์หน้า ควรดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศตนเองอย่างรวดเร็วและให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เดลี่เมล ยังรายงานด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แจ้งจำนวนคนว่างงานที่มายื่นขอรับผลประโยชน์จากทางการ หลังต้องกลายเป็นคนตกงานว่า ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์จนถึงวันที่ 4 เมษายน มีจำนวนคนว่างงานถึงกว่า 6.6 ล้านคน ทำให้ยอดสะสมของผู้คนที่มาแจ้งตกงานกับทางการสหรัฐฯ สูงถึง 16.8 ล้านคนในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือโดยเฉลี่ย มีคนตกงาน 1 คน ใน 10 คนแล้ว ซึ่งอัตราคนว่างงานในสหรัฐฯนี้ถือเป็นตัวเลขมากที่สุดและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในปีค.ศ.1948