น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Supinya Klangnarong ระบุว่า ... ของฟรีไม่มีในโลกจ้า อยู่ที่ใครจ่าย ใครได้ใครเสีย เงินที่จะมาจ่ายค่าเน็ตเพิ่ม 10GB เป็นเงินของสาธารณะ​ที่ กสทช.นำจากกองทุนฯไปจ่ายให้ค่ายมือถือแทนผู้บริโภคอีกที​ แต่ยังไม่แน่ใจรายละเอียด​เรื่อง​การวางบิลว่าจะคิดกันอย่างไร ตรวจสอบ​ได้ไหม มีคนถามมาแต่เราตอบไม่ได้ ต้องถามคนใน กสทช.เวลานี้ คงไม่มีใครห้ามนโยบาย​นี้ได้ เพราะผู้บริโภค​ก็คิดว่าได้ประโยชน์​บ้าง และ ต่อให้ กสทช.มีเกณฑ์การจ่ายเงินให้ค่ายมือถืออย่างโปร่งใส​จริง ก็ไม่ได้เป็นนโยบายที่น่าภูมิใจนักในยามนี้ เพราะเอื้อเอกชนทุนใหญ่​ เกือบจะเป็นการแจกเงินฟรีให้โอเปอร์ในกรณีถ้าคนกดสิทธิ์​ไป ใช้จริงไม่เท่าไหร่ แล้วถ้าโอเปอร์ไม่มีต้นทุนเพิ่ม แต่รับเงินเหมาจ่ายไปแล้วใช่ไหม อย่างไร ใครจะตรวจสอบบิลนั้น กสทช. ต้องอธิบาย​หลักการจ่ายเงินให้เคลียร์ เพราะใช้เงินสาธารณะ​จำนวนสูงมาก ในขณะที่​เงินก้อน​นี้สามารถไปใช้อย่างอื่นได้เป็นประโยชน์​มากกว่า ยังไม่นับว่าได้ประเมินไหมว่าคนส่วนใหญ่​ของประเทศ​ที่ลำบากเขาต้องการอะไร งานที่จะทำให้ กส​ทช. ภูมิใจได้จริงคือการกำกับเอกชนให้ลดราคาลง ทำให้อินเตอร์​เน็ต​ เหมือนค่าไฟที่เป็นสาธารณ​ูปโภคขั้นพื้นฐาน​ คุ้มครอง​สิทธิ​ผู้ใช้บริการ​ มีมาตรการช่วยคนรายได้น้อยที่อาจไม่มีเวลาเล่นเน็ตด้วย แต่เราคงไร้เดียงสา​ไปที่คิดอะไรแบบนี้ในโลกแห่งความจริง ซึ่งนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุที่คนใน กสทช.ปัจจุบัน​เสนอให้ตัดสัดส่วนตัวแทนของผู้บริโภค​ในการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ต่อรัฐสภา​ที่กำลังแก้ร่างกฎหมาย​อยู่ พูดไม่ออกเหมือนกัน​ว่าทำไมเสียงของผู้บริโภค​จึงน่ารังเกียจขนาดนั้นหรือ ทั้ง​ที่เจตจำนงค์ของ กสทช.คือมาปกป้องผู้บริโภค​จากผู้ประกอบการ​ด้วย ยอมรับว่าตอนเรายังทำงานอยู่ในสัดส่วนโควต้่าตัวแทนผู้บริโภค​ ซึ่งมักเป็น​เสียงข้างน้อย แพ้มติประจำ อาจทำอะไรไม่ได้มากนักจริง แต่ขนาดแพ้มติอยู่แล้ว ยังจะเสนอแก้ พรบ. ไม่ให้มีสัดส่วนตัวแทนผู้บริโภค​เลย คือจะให้เงียบสนิท มีแต่กระแสชมอย่างเดียวเลย มันไม่สุดโต่งเกินไปหรืออย่างไร​ ฝากฝ่ายนิติบัญญัติ​ที่ดูแลกฏหมายนี้ด้วย ส่วนตัวไม่สามารถสมัครกลับมา​เป็น กส​ทช.ได้อีก แต่ต้องการ​เห็น​กฎหมาย กสทช.ยังมีพื้นที่ให้ตัวแทนผู้บริโภค​เข้าไปมีส่วนด้วยในองค์กร​ตาม กฏหมายใหม่ อย่างน้อยได้ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกันและกัน ไม่เสียแรงที่องค์กร​ภาคสังคมเหนื่อย​ยากในการผลักดันให้เกิด กสทช.มาตั้งแต่​เคลื่อนไหว​เรื่อง​การปฏิรูป​สื่อ​หลังเดือนพฤษภา​คม ปี พ.ศ. 2535
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เฟซบุ๊ก - Supinya Klangnarong