เหล่าสาวก “เดอะค็อป” เตรียมฉลองแชมป์ลีก “พรีเมียร์ลีก” ในรอบทศวรรษ 30 ปีได้เลย หลังมีข้อถกเถียงกันมานาน นับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสมรณะ “โควิด-19” ไปทั่วทุกประเทศ จนเกมลีกต้องหยุด และยังคงเถียงกันไม่จบจนถึงนาทีนี้ คือแล้วจากนี้จะเอายังไงกันต่อ โดยเฉพาะ “บทสรุป” ของเกมลีก “แดนผู้ดี” ฤดูกาล 2019-20 ว่าจะจบลงแบบไหน? และเชื่อว่า “เด็กหงส์” ทั่วโลก คงอดคิดไม่ได้ว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาด ยังไม่ระเหยไปกับอากาศ ก็อาจจะส่งผลกระทบจิตใจ แบบเลวร้ายที่สุดในชีวิต จากการรอคอยชูถ้วย “พรีเมียร์ลีก” เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี หลังนำห่าง “แมนฯ ซิตี” ทีมอันดับ 2 แบบไม่เห็นฝุ่น 25 คะแนน และคงต้องลุ้นกันหนักๆ และอาจถึงขั้น พึ่ง”ไซยศาสตร์” บนบานศาลกล่าว ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ “เชื้อไวรัส” หายไปจากโลกมนุษย์ให้เร็วที่สุด ทั้งที่แชมป์มันอยู่แค่เอื้อม อย่างไรก็ตาม เท่าที่ปรากฏตามข่าว ณ เวลานี้ น่าจะมีโมเดลบทสรุปทางเลือก ที่ดีที่สุด คือ “ขีดเส้นตาย” ให้กลับมาเตะให้จบฤดูกาล ไม่เกิน วันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับหลาย ๆ อย่างทั้งเรื่องเงินจากสปอนเซอร์ ค่าลิขสิทธิ์จากการถ่ายทอดสด ส่วนทางเลือก “โมฆะ” น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หากการ “ขีดเส้นตาย” แข่งขันให้จบ ทำไม่ได้ เพราะในความเป็นจริง ลีกอาชีพทั้ง 4 ลีกของ “แดนผู้ดี” ได้เดินทางมาถึงช่วง 10 เกมสุดท้ายก่อนจะหยุดไป ถ้าเตะไป10 นัดก็ว่าไปอย่าง ดังนั้นการตัดจบ โดยถือว่าการแข่งขันเป็นโมฆะ น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะนับตั้งแต่ “ซีอีโอสาวใหญ่” ของทีม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ออกมาพูดเรื่องนี้ เพียงข้ามคืน ก็โดนถล่มยับคาโซเชียล ก่อนจะกลับลำในภายหลัง และไม่มีตัวแทน จากสโมสรไหนกล้าแหยมเรื่องนี้ออกมาอีกเลย ยิ่ง “ยูฟ่า”ก็เพิ่งออกมาขู่สำทับมาอีกว่า “ลีกไหน” ที่สั่งโมฆะ อาจมีผลต่อ “โควตา” ลงเล่นถ้วยยุโรปในฤดูกาลหน้าด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทางเลือก “โมฆะ” กลายเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ยากที่สุดยิ่งกว่าเดิม ล่าสุด “อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน” ประธานยูฟ่า ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแน่นอน “ผมยังมองไม่เห็นหนทางที่พวกเขาจะไม่ได้แชมป์เลย ถ้า พรีเมียร์ลีก กลับมาเล่นต่อเมื่อไร พวกเขาจะคว้าแชมป์อย่างแน่นอน แม้ในทางทฤษฎีมันจะยังไม่จบ แต่ในความเป็นจริง “ลิเวอร์พูล” อยู่ใกล้ตำแหน่งนั้นมากแล้ว” “แต่ถ้าหากไม่สามารถที่จะกลับมาแข่งขันกันต่อได้ เราก็ต้องหาวิธีที่จะประกาศการเป็นแชมป์ให้ได้ อย่างที่ผมบอกไป ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ได้แชมป์ ผมเข้าใจว่าแฟนบอลอาจจะต้องผิดหวัง หากการคว้าแชมป์มันเกิดขึ้นในสนามที่ไม่มีคนดู หรือแม้แต่ในสำนักงานของฟุตบอลลีกก็ตาม แต่ผมมั่นใจว่ายังไงพวกเขาก็ได้แชมป์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ทั้งนี้ เซเฟริน ยังเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า มีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่โปรแกรมที่เหลือของแชมเปียนส์ ลีก และยูโรปา ลีก ในซีซั่นนี้ ต้องเตะในสนามปิดไร้คนดู “ฟุตบอลที่ไม่มีแฟนบอล มันจะไม่มีทางเหมือนเดิม การลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลย่อมดีกว่าไม่มีแฟนบอลอยู่แล้ว แต่การลงเตะแบบไม่มีแฟนบอลที่ต้องชมการถ่ายทอดสดผ่านทีวี ก็ยังดีกว่าไม่มีการแข่งขันเลย” ขณะที่ “พอล อินซ์” อดีตนักเตะ ออกมากล่าว ว่า “ไม่ว่าบทสรุปจะออกมาแบบไหนมันก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หรอก คุณลองนึกภาพตามผม “ลิเวอร์พูล” ต้องรอมานานถึง 30 ปีในการคว้าแชมป์ลีก และพวกเขาจ่อมากๆ ที่จะทำได้แต่ถ้าหากมีการยกเลิกมันจะทำให้เกิดความวุ่นวายแน่ๆ ไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันย่ำแย่แค่ไหน แต่เราต้องหาทางทำให้มันจบฤดูกาลนี้ให้ได้ กับจำนวนเกมอีก 9 นัดที่เหลือ อาจจะทั้งเตะแบบสนามปิดหรืออะไรก็ตามแต่นั่นเป็นสิ่งที่ทาง พรีเมียร์ลีก ต้องตัดสินใจซึ่งไม่รู้ว่าจะแข่งขันได้เมื่อไหร่ แต่กระนั้นถ้าหากจะมีตัดสินให้ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ มันไม่สมเหตุสมผลเลย มันไม่ใช่แค่ “ลิเวอร์พูล” ทีมเดียว แต่มันยังมีทีมที่ลุ้นโควตายุโรปและทีมหนีตกชั้นด้วย” ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยรวมๆ แล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนแต่กลัวการ “โมฆะ” และอยากได้สิ่งที่ยุติธรรมสำหรับทีมตัวเองมากที่สุด แต่สถานการณ์ของเชื้อโรคที่รุมเร้าอย่างหนักในขณะนี้ ก็ไม่ช่วยเหลืออะไรสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นปกติของคนส่วนใหญ่ ที่จะออกอาการตื่นตระหนก เพราะมองไม่เห็นทางออกในช่วงเวลาอันแสนคับขัน แต่พอได้ใช้เวลารวบรวมสติ ดึงความเป็นเหตุเป็นผลกลับมา ก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายพยายามจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ และเริ่มที่จะเห็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว หรือจะเรียกว่า “จบ...แต่ไม่เจ็บ” ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น นั่นคือเหตุผลทั้งหมด ที่ทำให้เราพอจะคาดหวังได้ว่า “พรีเมียร์ลีก” ในซีซั่นนี้ จะไม่ล่มกลางทางไปง่ายๆ แต่ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ “เด็กหงส์” อย่างผม ...เชียร์สุดใจขาดดิ้นอยู่แล้ว ขนาด 30 ปีไม่ได้แชมป์ ยังเฝ้าเชียร์ เฝ้ารอมาได้ตั้งนาน และนับประสาอะไรกับ “ไวรัสโควิด-19” จะมาหยุด “หงส์แดง” ชูถ้วยแชมป์ได้เล่า....ว่ามั้ย!!