นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดหาแนวทางช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว และยังเป็นนโยบายของคณะกรรมการ อพท. ล่าสุด อพท.อยู่ระหว่างการเข้าไปดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกในกิจกรรมการยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นสู่วัฒนธรรมอาหารแบบยั่งยืน โดยมอบหมายให้สำนักงานพื้นที่พิเศษ 8 หรือ อพท.8 และสำนักท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อดำเนินการ 5 ชุมชน 1 เครือข่าย ใน 2 จังหวัด คือจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งด้านวัตถุดิบและวัฒนธรรมทางด้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์และพร้อมบริการการท่องเที่ยวที่ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามแผนยุทธศาสตร์ อพท. ระยะ 4 ปี (2562-2565) ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะเมื่อสถานการณ์โควิด-19 จบลง ชุมชนก็สามารถบริการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาได้อย่างเต็มที่ สำหรับชุมชนเป้าหมายที่ได้เข้าไปดำเนินการยกระดับมีอยู่ 5 ชุมชน และ 1 เครือข่าย ประกอบด้วย ชุมชนบ้านไร่กร่าง จังหวัดเพชรบุรี ที่มีการส่งเสริม และเข้าไปพัฒนาต่อยอดด้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ซึ่งชุมชนแห่งนี้จะดำเนินการอนุรักษ์วิถีตาลผ่านการท่องเที่ยว ด้วยการนำตาลโตนดที่เป็นวัตถุดิบหลักของท้องถิ่น มาใช้ประกอบอาหารเป็นเมนูอาหารต่างๆ เช่น แกงหัวโหนด ยำหัวโหนด และผลักดันเข้าสู่โครงการเชฟชุมพล สร้างเชฟชุมชนเพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ เช่นยำหัวโหนด สเต็กหัวโหนด โดยมีการจัดวาง และตกแต่งอาหาร ให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และพร้อมเข้าร่วมโครงการพัฒนาสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร เปิดเป็นเส้นทางกิจกรรมการท่องเที่ยวแหล่งวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารที่ครบวงจร ชุมชนบ้านม้าร้อง ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ชุมชนบ้านถ้ำเสือโฮมสเตย์ จังหวัดเพชรบุรี มีศักยภาพและจุดเด่นในเรื่องของทัศนียภาพ และชื่อของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นแหล่งวัตถุดิบต่างๆทางธรรมชาติที่ปลอดสารพิษ เช่น หน่อไม้ ปลาน้ำจืด ผักกูด และผักตามฤดูกาลที่มีอยู่ในชุมชนตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นร้านอาหารชุมชนเพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่พร้อมเข้าสู่การพัฒนาเมนูอาหารใหม่ในโครงการเชฟชุมพล สร้างเชฟชุมชนรวมทั้งการพัฒนาสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร ที่สามารถเปิดให้มีกิจกรรมเป็นแหล่งเรียนรู้การประกอบอาหารให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่ง นายทวีพงษ์ ยังกล่าวต่อว่า ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์ในการนำวัตถุดิบ ที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ หาทานได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเมนูผักที่ชุมชนปลูก และปลาที่หาได้ในชุมชน อย่าง เมนูงบปลาย่างน้ำพริกกะปิที่ใช้เคยมาเป็นวัตถุดิบ รวมถึงเมนูขนมหวานอย่างอัญมณีนกคุ้ม ที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ อาหารตามวิถีชุมชนบ้านม้าร้อง ส่วน ชุมชนบ้านม้าร้อง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่ชุมชนนำมาเป็นวัตถุดิบหลักประกอบอาหารต่างๆตามวิถีชุมชน เช่น เมนูแกงเหมงพร้าว ซึ่งมีเรื่องราวที่และสามารถถ่ายทอดการเมนูอาหาร โดยนักสื่อความหมายของชุมชนที่ผ่านการอบรมของ อพท. รวมทั้งเมนูดังกล่าวยังสามารถเข้าร่วมโครงการเชฟชุมพล สร้างเชฟชุมชน เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ เช่น ยำม้าร้อง แกงเหมงพร้าว รวมถึง ชุมชนบ้านหินเทิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวและกุยช่ายจำนวนมาก มีเมนูอาหารพื้นถิ่นดั้งเดิม เช่น ผัดกากมะพร้าว แกงเหมงพร้าว แกงยอดมะพร้าว ซึ่งชุมชนได้มีการพัฒนาภาชนะเป็นผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น โจ๊กกะลา กาแฟเสิร์ฟในแก้วมะพร้าว มาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยว เครือข่ายท่องเที่ยวคีรีมณีประดู่ เพชรบุรี อีกทั้ง อพท.ยังได้เข้าไปส่งเสริมในพื้นที่เครือข่ายท่องเที่ยวคีรีมณีประดู่ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชนเผ่าไทยทรงดำ ที่มีเรื่องราววิถีของชุมชนและอาหารประจำชนเผ่าถ่ายทอดสืบต่อกันมา โดยเฉพาะเมนูผักจุ๊บ และแจ่วด้าน โดยสามารถนำเป็นแหล่งกิจกรรมเรียนรู้ด้านการทำอาหารตามวิถีชนเผ่าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อพท.ยังได้เตรียมพร้อมที่จะขยายการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งในด้านการพัฒนานักสื่อความหมาย กิจกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงยกระดับการให้บริการกับนักท่องเที่ยว โดยการนำจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชุมชนมาเป็นจุดขาย พร้อมกับสร้างเรื่องราวให้เกิดความน่าสนใจ เช่น เรื่องเล่าอาหาร การจัดทำปฎิทินฤดูกาลอาหารท้องถิ่น และหมวดหมู่อาหาร เพื่อเป็นตัวเลือกดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี