เมื่อวันที่ 9 เม.ย.63 พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ และ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป. เปิดเผยถึงกรณีตำรวจรับโอนคดีตำรวจทางหลวงจับ 2 ชายหญิงชาวเมียนมา ขนเงิน16.5 ล้านบาท เข้าประเทศไทย โดยไม่สำแดงตามขั้นตอนศุลกากรว่า หลังจากได้รับเรื่องไว้ ได้ตั้งคณะกรรมการพนักงานสอบสวน กก.4บก.ป. ขึ้นมาเพื่อทำคดีนี้แล้ว รวมทั้งได้ประสานให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจพิสูจน์เงินดังกล่าว เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน ทั้งนี้จากการสอบสวนชายหญิง ชาวเมียนมา ที่ขนเกินดังกล่าวมา ทั้งคู่ไม่สามารถนำหลักฐานหรือเอกสารยืนยันที่มาของเงินดังกล่าวได้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันนำเข้าเงินตราสกุลไทยเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ผกก.4.บก.ป.กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง) เนื่องจากเข้าเงื่อนไขฐานความผิด 16 ข้อหา เพื่อสืบสวนหาเส้นทางการเงินดังกล่าสว่าทีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนผู้ต้องหาชายหญิง ชาวเมียนมา ได้ให้พนักงานสอบสวนนำตัวทั้งคู่ ส่งศาลอาญา รัชดาฯ ผัดฟ้องฝากขังต่อไป ด้าน พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. การกระทำของตำรวจทางหลวง เป็นไปตามอำนาจและกฎหมายที่สามารถกระทำได้ เนื่องจากระหว่างการจับกุมชาวเมียนมาร์ ทั้ง 2 ราย นั้นไม่สามารถ ชี้แจงแหล่งที่มาของเงินจำนวนมากถึง 16 ล้านบาท ได้รวมทั้งยังผ่านด่านตรวจเข้ามาโดย ไม่ได้มีการสำแดงต่อศุลกากรตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังจากได้รับการรายงานจากตำรวจทางหลวง ในพื้นที่จึงสั่งการให้ถ่ายภาพหมายเลขธนบัตรทุกใบไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าของกลางทั้งหมดจะไม่เล็ดลอดหลุดหายไปได้ รวมทั้งตนเองเป็นผู้สั่งการให้นำ ตัวผู้ต้องหาและของกลางไปสอบสวนขยายผลต่อที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก รวมถึงยังมีพฤติการณ์น่าสงสัย ยืนยันว่าเป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังปปง.เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทั้งนี้ยืนยันว่า ตัวผู้เสียหาย สามารถนำเอกสารมาชี้แจง ถึงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวได้ทุกเมื่อ ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย เบื้องต้นได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนที่ไปที่มาของเงินนั้นทางเจ้าของก็ต้องมาชี้แจงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของกลางนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เรายืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่ทาง พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.5 บก.ทล. กล่าวว่า กรณีที่ทางนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้ออกมาระบุว่า ขณะเข้าจับกุมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมพิจารณาหลักฐานเกี่ยวกับเงินที่ทำการซื้อขายกับปตท. จากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่พยายามนำมาแสดงให้กับทางเจ้าหน้าที่นั้น ตนอยากชี้แจงในส่วนนี้ว่าขณะที่เข้าทำการจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไม่ได้มีการนำเอกสารใดๆออกมาชี้แจงแก่ทางเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งต่อให้แม้ว่าผู้ต้องหาจะนำเอกสารดังกล่าวออกมาขี้แจงกับตนก็ไม่เป็นผลเพราะเจ้าหน้าที่ก็ยังคงต้องจับกุมอยู่ดี เนื่องจากการจับกุมและตรวจยึดเงินของกลางดังกล่าวนั้นเป็นการจับกุมจากความผิดที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนำเงินจำนวนมากเข้ามาภายในประเทศโดยไม่ได้มีการสำแดงต่อศุลกากรตามกฎหมาย ไม่ใช่จับกุมเพราะไม่รู้ที่ไปที่มาของเงิน อยากให้เข้าใจในส่วนนี้ด้วย ส่วนเรื่องเงินนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าของเงินที่จะต้องนำไปแสดงต่อศาล